กสท. ยังไม่มีมติเพิกถอนใบอนุญาต Peace TV
เพิ่มเติมข้อมูลเมื่อ 18:45 น.
น.ส. สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. เผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ยังไม่มีมติเพิกถอนใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี (Peace TV) ซึ่งเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมวันนี้ โดยให้อนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหาพิจารณาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ตัวแทนของสถานีพีซทีวีเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาเช้านี้
การพิจารณาโทษปรับทางปกครองสูงสุดช่องพีซทีวีเกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตรวจพบการออกอากาศรายการ “เข้าใจตรงกันนะ” เมื่อวันที่ 11 มี.ค. และ วันที่ 21 มี.ค. 2559 รายการ “เข้มข่าวดึก” เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2559 และรายการ “ห้องข่าวเล่าเรื่อง” วันที่ 28 มี.ค. 2559 มีเนื้อหาต้องห้ามไม่ให้ออกอากาศตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 และ ฉบับ 103/2557 และเป็นการขัดต่อเงื่อนไขในการออกอากาศตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับสำนักงาน กสทช.
อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหามีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 4 ให้มีการพิจารณาโทษปรับทางปกครองสูงสุดช่องพีซทีวี โดย น.ส.สุภิญญา หนึ่งในอนุกรรมการเสียงข้างน้อย เปิดเผยว่าไม่เห็นด้วยต่อการลงโทษพีซทีวีด้วยมาตรการขั้นหนักที่สุด คือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ โดยอนุกรรมการเสียงข้างน้อยที่เป็นนักวิชาการสื่อและกฎหมาย มองว่ายังเป็นสิทธิในการแสดงความเห็นและตรวจสอบ ตั้งคำถามการใช้อำนาจของภาครัฐตามหน้าที่ของสื่อ จะให้เชียร์อย่างเดียวก็จะฝืนความเป็นจริงมากเกินไป สังคมควรต้องมีการถ่วงดุลบ้าง และการลงโทษหนักช่องโทรทัศน์ที่มีจุดยืนต่างจากฝ่ายรัฐจะทำให้ กสทช. ถูกมองว่าขาดความอิสระในการทำหน้าที่และใช้อำนาจในมิติทางการเมืองมากเกินไป
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า ตัวแทนสถานีพีซทีวีได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการต่อนายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช. โดยนายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า กรรมการบริหารของช่องพีซทีวีกล่าวว่า กสท. มีมติพิจารณาโทษโดยใช้อำนาจตามมาตรา 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ทางช่องพีซทีวีก็จะยื่นฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองอีกครั้ง และมองว่าการลงโทษพีซทีวีโดยอ้างว่าขัดประกาศของ คสช. นั้นเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต เพราะประกาศ คสช. ไม่มีบทกำหนดลงโทษถึงขั้นให้เพิกถอนใบอนุญาต

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.