Shavaritth Unyotha

นิสิตแจ้งตร.เหตุถูกล็อคตัว ‘เนติวิทย์’ เสียใจ ‘จุฬาฯ’ แย่งกล้องสื่อ
by ฟ้ารุ่ง ศรีขาว

นิสิตจุฬาฯ ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวันยังไม่เอาผิดใครเหตุถูกล็อคตัวกลางงานพิธี ขณะที่ ‘เนติวิทย์’ สลดเพื่อนถูกใช้กำลังและเสียใจกรณีบุคลากรมหาวิทยาลัยแย่งกล้องสื่อมวลชนระหว่างบันทึกภาพ

เวลา 19.15 น. วันที่ 3 ส.ค.60 นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 9 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสภานิสิต เดินทางไปสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน หลังเกิดเหตุอาจารย์ท่านหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พยายามนำตัวนายศุภลักษณ์ บำรุงกิจ หรือ เสก รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คนที่ 1 นิสิตปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ ออกจากงานพิธี ช่วงท้ายของพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2560 ที่สนามหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า หรือลานพระบรมรูป 2 รัชกาล ซึ่งพิธีดังกล่าวจัดขึ้นเวลาประมาณ 16.00 น. เป็นพิธีต่อเนื่องหลังจากที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ณ หอประชุม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ช่วงเช้า

สำหรับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิสิตใหม่จะมาเข้าร่วมที่สนามหญ้าหน้าพระบรมรูป 2 รัชกาล โดยมีผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิตเก่า ผู้แทนนิสิตปัจจุบัน(องค์การบริหารสโมสรนิสิตและสภานิสิต) พร้อมกัน ณ บริเวณพิธีการ เพื่อเป็นสักขีพยาน

ส่วนเหตุชุลมุนเกิดขึ้นหลังการเปล่งเสียงกล่าวปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ ของนิสิตปี1 จบลง


ระหว่างพิธีกรประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้นิสิตเดินออกจากสนามไปหลบฝนเนื่องจากจบพิธีแล้ว ก็มีสมาชิกสภานิสิตจำนวน 7 คน โดย 1 ในนั้นมีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นิสิตปี 2 คณะรัฐศาสตร์ รวมอยู่ด้วย เดินออกจากแถวของสภานิสิตที่ยืนอยู่บริเวณพิธีการ เพื่อไปแสดงความเคารพพระบรมรูป 2 รัชกาล โดยวิธีการโค้งคำนับ แต่ปรากฏว่านายศุภลักษณ์ ซึ่งเดินออกจากแถวเป็นคนที่ 7 ซึ่งเป็นคนสุดท้ายถูกอาจารย์จุฬาฯ ท่านหนึ่งพยายามนำตัวออกจากบริเวณดังกล่าว

นายเนติวิทย์ ให้สัภาษณ์ Voice TV ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันว่า มาสถานีตำรวจเป็นเพื่อนนายศุภลักษณ์ ซึ่งมาลงบันทึกประจำวันไว้ว่าวันนี้เขาโดนอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม รู้สึกสลดใจที่รองประธานสภานิสิต ถูกเข้าไปล็อคตัวและถูกต่อว่าด้วยคำหยาบคายโดยบุคลากรท่านหนึ่งของจุฬาฯ

“รู้สึกว่านี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่ต้องการความเจริญงอกงาม เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ทำให้คนพัฒนาตัวเองให้เป็นคนมีเหตุมีผลมากขึ้นเลย กลับกลายเป็นเชื่อตามขนบประเพณีเดิมๆ พอเห็นคนอื่นทำแตกต่างก็จะไปกระทำต่อร่างกายเขา ผมว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็น สิ่งที่ควรเป็นตอนนี้คือการพูดคุย

การทำแบบนี้เป็นอะไรที่ป่าเถื่อน เป็นอะไรที่ทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง ผมจะไม่ทำแน่ๆ ยิ่งคุณเป็นครูบาอาจารย์ คุณต้องไม่ทำแบบนี้

ถ้าครูคนไหนเดินไปใช้ความรุนแรงกับนักเรียนแล้วก็บอกว่าตัวเองรักนักเรียน ผมไม่เชื่อ เพราะทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง กรณีนี้ก็เช่นกัน เข้าไปล็อคคอคนอื่นเขา เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ผิดมารยาท ผิดจริยธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ”

ส่วนกรณีที่มีสตรีท่านหนึ่งพยายามจะแย่งกล้องจากสื่อมวลชน นายเนติวิทย์ กล่าวว่า “ผมก็รู้สึกเสียใจนะ มหาวิทยาลัยทำไมจะต้องกลัวอะไรด้วย ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นดี เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรเลย แล้วไปแย่งกล้องสื่อมวลชน ผมว่าไม่ใช่มารยาทที่ดี ถ้าจะมีความเห็นต่อการนำเสนอ อย่างไรเราก็ต้องพูดด้วยเหตุด้วยผล คุยกันดีๆ ผมว่านี่เป็นมารยาทพื้นฐานที่มนุษย์พึงมีให้กัน ดังนั้น ที่ไปแย่ง ไปคว้ากล้องเนี่ย ผิดเลย ผิดอย่างมหันต์มาก

ผมไม่เคยเห็นกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เพราะคนที่ทำแบบนี้เป็นคนที่ใช้อารมณ์เป็นตัวตั้งมาก และไม่ได้ดูถึงความเหมาะสม ควรจะคุยก่อน นี่คือสิ่งที่เขาทำกันทั้งโลก ไม่ใช่ไปคว้าไปแย่ง นั่นมันสำหรับเด็ก” นายเนติวิทย์กล่าว

นายศุภลักษณ์ ให้สัมภาษณ์หลังลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันว่า มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยังไม่ได้จะเอาผิดใคร แต่มาลงไว้ก่อนว่าเราโดนอะไร เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรตามมาบ้าง

“สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดมาก่อน รู้สึกเสียใจที่ทำไมอาจารย์จุฬาฯ ทำแบบนี้ ใช้อำนาจ ใช้กำลังแบบนี้ คือเขาไม่ได้มองว่านิสิตเป็นมนุษย์เหมือนกับเขาเลยเขาถึงใช้กำลังและด่าทอด้วยคำไม่สุภาพ ตอนนี้ทางจุฬาฯ ก็ยังไม่ได้ติดต่อมาเลย หลายชั่วโมงไม่มีใครติดต่อมาทั้งๆ ที่ผมเป็นผู้เสียหาย

อยากให้มหาวิทยาลัยเปิดกว้างกว่านี้ อยากให้ผู้ใหญ่รับฟังเด็ก พูดคุยกันด้วยเหตุผลที่เป็นเหตุผลจริงๆ ไม่ใช่เอะอะก็อ้างความสุภาพ อ้างกาละเทศะ แล้วมาตรฐานคืออะไร เราควรจะดูประวัติศาสตร์ด้วย เช่น ชุดนิสิตเกิดขึ้นมายังไง พิธีนี้เกิดขึ้นมาจากไหน” นายศุภลักษณ์กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้แจ้งว่ามีความประสงค์มาลงบันทึกประจำวันว่าเกิดเหตุอะไร โดยยังไม่ได้ขอให้มีการดำเนินคดีกับใคร ดังนั้น ทางตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้ตามความประสงค์ของผู้แจ้ง

ขณะที่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ http://www.chula.ac.th/th/archive/63023 ในหัวข้อ “จุฬาฯชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนิสิตจากสภานิสิตจุฬาฯถูกนำตัวออกจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯ” มีเนื้อหาดังนี้

“ตามที่มีภาพและข่าวเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ถึงพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตจุฬาฯซึ่งจัดขึ้นในเย็นวันนี้ และกรณีที่รองประธานสภานิสิตจุฬาฯ ถูกอาจารย์นำตัวออกจากพิธีนั้น รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิต จุฬาฯ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะมีหลายฝ่ายในสังคมซึ่งอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันคอยจับจ้องมองดูอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นทางมหาวิทยาลัยทราบมาว่ามีกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตและกลุ่มเพื่อน ซึ่งกำลังเฝ้ามองดูและอาจนำประเด็นตรงนี้ไปขยายเป็นความรุนแรงได้ ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีคนพยายามคุกคามมาตามหานายเนติวิทย์ถึงมหาวิทยาลัย ตนเองในฐานะผู้กำกับดูแลด้านกิจการนิสิตก็ต้องพานายเนติวิทย์ไปแจ้งความที่โรงพัก และวันนี้ก็ได้มอบหมายผู้ช่วยอธิการบดีสองคนไปดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนิสิตกลุ่มนี้เป็นพิเศษ

ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายกิจการนิสิต จุฬาฯก็เข้าใจและเคารพในความเห็นต่างและได้พยายามจัดพื้นที่ให้กับผู้ที่ประสงค์จะแสดงความเคารพด้วยการคำนับโดยมีข้อตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะอยู่ในแถวที่แยกออกไป และจะมาแสดงความเคารพเมื่อกระบวนการถวายบังคมเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่กลุ่มของสภานิสิตไม่ได้เคารพข้อตกลงนั้นและพยายามจะจัดฉากให้ปรากฏภาพที่ขัดแย้งตรงข้ามกันระหว่างการถวายบังคมและการคำนับ
รศ.ดร.บัญชา กล่าวว่า ในส่วนของการแสดงออกของอาจารย์คนดังกล่าวที่มีภาพปรากฏออกสื่อไป น่าจะสืบเนื่องมาจากการที่นายเนติวิทย์และนิสิตกลุ่มนี้ไม่เคารพในข้อตกลงที่มีร่วมกัน จึงโกรธถึงขีดสุดว่าพูดกันแล้วไม่รู้เรื่อง และตั้งใจไม่ทำตาม

อย่างไรก็ดี รศ.ดร.บัญชา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ อาจารย์คนดังกล่าวเกิดภาวะเครียดอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล และจะดูอาการต่อในห้องCCUคืนนี้ แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีอาการ hyperventilation คือหายใจไม่ได้ กล้ามเนื้อเกร็ง ชีพจรสูง ซึ่งตนเดาว่าน่าจะเป็นเพราะอาจารย์คนดังกล่าวรู้สึกขัดแย้งอย่างสูงเพราะเป็นคนรักนิสิตและทำกิจกรรมคลุกคลีกับนิสิตมาตลอด

“ผมต้องขอโทษนิสิตคนนั้นแทนอาจารย์ด้วยที่อาจจะทำอะไรเกินไป ทางจุฬาฯพยายามเปิดพื้นที่ให้กับทุกคน แต่ผมว่ามันต้องให้ความยุติธรรมและให้การเคารพข้อตกลงซึ่งมีต่อกันและกัน สำคัญที่สุดคือต้องจริงใจต่อกันด้วย” รองอธิการบดีด้านกิจการนิสิตจุฬาฯ กล่าวทิ้งท้าย ”

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.