Atukkit Sawangsuk

ประเด็นที่ผมขำ คือในบรรดาข้อหาที่ยกมาเป็นคดียึดทรัพย์ทักษิณ กรณีแปลงสัญญาสัมปทานมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต เป็นคดีที่อ่อนเหตุผลที่สุดแล้ว แต่อัยการจะรื้อมาเอาผิดลับหลัง

AIS มีสัญญาสัมปทานกับ ทศท. True Detac มีสัญญาสัมปทานกับ กสท. เมื่อปี 46 มีมติ ครม.ให้แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต เช่น AIS จ่าย 25% ให้ ทศท.ก็แบ่งเป็นจ่ายตรงเข้ากรมสรรพสามิต 10% จ่ายให้ ทศท.15% รัฐไม่เสียหายเลย เว้นแต่พวก ทศท.ที่โวยว่า "กรูคือรัฐ" กรูเสียหาย ที่จริงรัฐได้มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเงินภาษีเข้าตรง ไม่เหมือนการส่งเงินเข้า ทศท. กสท. ซึ่งเอาไปเป็นรายได้ของตัวเอง คิดกำไร โบนัส แล้วค่อยส่งคลัง

แต่ศาลตัดสินว่าทักษิณผิด ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ ตามคำให้การ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ว่าเป็นการกีดกันไม่ให้เกิดรายใหม่ ขณะที่ อ.วรเจตน์แย้ง ดร.สมเกียรติ (ออกทีวี) ว่าไม่ใช่ หนึ่ง ถ้ามีรายใหม่ก็รอมาประมูลใบอนุญาตกับ กทช. (ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิด) สอง รัฐบาลจะแปรรูป ทศท. กสท. จากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท มีเอกชนถือหุ้นได้ (และเข้าสู่การแข่งขัน) ค่าสัมปทานเป็นประโยชน์ที่ได้จากคลื่นความถี่ สมบัติส่วนรวม ต้องแยกออกจากบริษัท

7 ปีผ่านไปหลังศาลตัดสิน สังคมน่าจะเห็นกันแล้วว่า กีดกันรายใหม่จริงไหม เพราะหลังมี กสทช. ประมูล 3G 4G ก็ไม่เห็นมีรายใหม่อยู่ดี

อ้อ ค่าเสียหาย 60,000 ล้านนี่ก็มาจากข้ออ้างของสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีทียุคขิงแก่ ซึ่งไม่รู้ไปคิดมาอย่างไรอ้างว่าการกีดกันรายใหม่ทำให้รัฐเสียประโยชน์ 6 หมื่นล้าน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.