Posted: 21 Apr 2018 08:47 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ใบตองแห้ง

“…..คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอำนาจ และตั้งรัฐบาลขึ้นบริหารประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขจัดฉ้อราษฎร์บังหลวง และใช้หลักคุณธรรม เพื่อนำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”

ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์? แปลกตรงไหนละครับ เพราะนี่คือหนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” เขียนโดยกรมศิลปากร ใต้อำนาจรัฐบาล คสช. จะให้เขียนว่ารัฐประหารทำลายประชาธิป ไตย นำประเทศสู่จุดอับ ใกล้ล่มสลาย ฯลฯ อย่างนั้นหรือ

แต่ถามว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ในวันหน้าไหม ปัดโธ่ แค่ 2 ปีผ่านไป คนไทยก็หัวร่อกลิ้ง หนังสือเล่มนี้ที่จริงออกมาตั้งแต่ตุลาคม 2558 ตอนนั้นกรมศิลปากรก็ถูก อ.สุเนตร ชุตินธรานนท์ วิพากษ์ซึ่งหน้า ว่า “ลำเอียง” เพียงแต่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ยกมาโพสต์อีกครั้งในกระแสคลั่ง “ออเจ้า” ที่ทำให้คนไทยสนใจประวัติศาสตร์

ซึ่งได้ผลชะงัด ทำให้คนตระหนักว่า ประวัติศาสตร์ ที่ร่ำเรียนกันมา ผู้ชนะทั้งนั้นเป็นผู้เขียน จึงควรเรียนประวัติศาสตร์อย่างคิดวิเคราะห์ ค้นหาความจริงรอบด้าน ไม่ใช่ท่องจำแล้วเชื่อตามเทือกเขาอัลไต

2 ปีผ่านไป ข้อความท้ายหนังสือกลายเป็นเรื่อง absurd ประจานตัวเองชัดๆ รัฐประหารจะปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย? ด้วยการ “ตกเขียว” ตกปลาในบ่อเพื่อน ตั้งพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ ภายใต้กติกาเอาเปรียบเนี่ยนะก็เหมือนรัฐประหารประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ โคตร ridiculous แค่ เอกชัย-โชคชัย จะไปสีซอให้พี่ป้อมฟัง โดนตำรวจอุ้มขึ้นรถเอาผ้าคลุมหัวยังกะผู้ก่อการร้าย

แค่ 2 ปี พอยกข้อความนี้มาดูใหม่ จึงย้อนแย้งจนคนรับไม่ได้ ศรีสุวรรณ จรรยา เรียกร้องให้ทำลายทิ้งเสียเพราะ “โกหก บิดเบือน”

แหม่ ไม่ต้องทำลายหรอกครับ ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ ให้เป็น “ประวัติศาสตร์” ว่าผู้ชนะตู่เอาอย่างไร แล้วไว้ดูกันยาวๆ ว่าอีก 2-3 ปี ผู้คนจะเลี่ยนเพียงไหน อีก 10-20 ปี คนรุ่นต่อไปจะเขียนประวัติศาสตร์ยุคนี้อย่างไร เป็นยุคสว่าง หรือยุคมืด

เข้าใจตรงกันนะ ลุงตู่ ลุงป้อม ปู่มีชัย แม่ทัพนายกองทั้งหลาย อาจบอกว่าพวกท่านสู้เพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อชาติ แต่คนที่จะเขียนประวัติศาสตร์คือคนรุ่นใหม่ รุ่นเนเน่ เพนกวิน “หนูดี” ที่มาชูป้าย ซึ่งเขาจะเห็นประจักษ์ ว่าสิ่งที่ท่านทำไว้เป็นผลดีหรือประเทศเสียหาย

ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ยืนยาวเสมอไป ประวัติศาสตร์ไทยเป็นของพลังอนุรักษนิยม แต่ก็มีประวัติ ศาสตร์ประชาชนซึมลึกอยู่คู่ขนานกัน ทำให้บางครั้งผู้แพ้ ในเหตุการณ์ก็กลายเป็นผู้ชนะทางประวัติศาสตร์

อย่าง อ.ปรีดี พนมยงค์ กลับมาเป็นรัฐบุรุษที่ยกย่อง ตั้งแต่ทศวรรษ 2520 อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก็เพิ่งมีงาน 100 ปีอย่างยิ่งใหญ่ ผู้ให้ร้ายทั้งสองท่านกลายเป็นคนบาป จิตร ภูมิศักดิ์ ก็เป็นไอดอลของนักคิดนักเขียนทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่

เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แม้ไม่สามารถชำระแจ่มกระจ่าง แต่ก็ไม่มีใครอยู่ข้างผู้เข่นฆ่านิสิตนักศึกษาอีกต่อไป ไม่ต้องดูอื่นไกล หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้า 189 ยังยอมรับว่าขบวนการนักศึกษาถูกกล่าวหา ถูกเกลียดชัง ถูกทหารตำรวจใช้กำลังอาวุธบุกเข้าทำร้ายจนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

ถึงวันนี้ ถ้าถามว่าวันนั้นใครเป็นกระทิงแดงลูกเสือชาวบ้านบ้าง ยกมือขึ้น ไม่มีนะครับ ถึงมีชีวิตอยู่ก็ไม่กล้ารับ ถ้ารับ ก็บอกว่าเสียใจ

อีก 10-20 ปีลองถามใหม่ ใครเป่านกหวีดปิดเมืองบ้าง อวดลูกอวดหลานหน่อย ไม่รู้จะยกมือไหม ในขณะที่ตรงข้าม อาจมีลูกคนเหนือคนอีสานยกมืออย่างภูมิใจ ทวดเป็นเสรีไทย เป็นลูกศิษย์ครูบาศรีวิชัย ปู่เป็นทหารป่า พ่อแม่เป็นเสื้อแดง

แต่ช้าแต่ อาจไม่ต้องรอถึง 10-20 ปีก็ได้ สมัยนี้ประวัติศาสตร์ติดจรวด ติดเทอร์โบ เขียนในสมาร์ตโฟน ข้อสำคัญ สงครามยังไม่จบ ยังไม่รู้เลยว่าใครจะได้เขียนประวัติศาสตร์

สมัยสฤษดิ์ ถนอม ใครๆ ก็ซูฮกยกย่องทั้งนั้นละ สฤษดิ์ตายอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนหมดลมคงไม่คิดว่าจะถูกยึดทรัพย์เสียบประจาน ถนอม ประภาส ก็คงไม่คิดว่าจะถูกไล่ถูกประณามเป็นทรราช

หรือดูแค่ประวัติศาสตร์ยุคใกล้ก็ได้ “สุไม่เอาให้เต้” ย่ามใจ เหลิงอำนาจ แล้วเป็นไงละ อะไรๆ ที่ทำกันวันนี้ ขนาด รสช.ยังอาย รสช.ยังไม่โจ๋งครึ่มถึงขั้นใช้อำนาจพิเศษคุมเลือกตั้ง และตั้ง ส.ว.250 คนไว้เลือกตัวเอง

เพียงแต่สังคมไทยวันนี้ คงต้องเขียนประวัติศาสตร์ว่าเป็น “ยุคมืดบอด” คนชั้นกลางในเมืองที่เคยไล่ รสช.กลับเชียร์การสืบทอดอำนาจโดยไม่กระดากลำไส้เลย



ที่มา: www.khaosod.co.th/politics/news_987652

[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.