Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว

คนที่ขึ้นสู่อำนาจโดยอาศัยปืนในมือ กดปราบไม่ให้คนอื่นคัดค้าน พอขึ้นสู่อำนาจแล้วก็มาอ้างว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ผมคิดว่าเป็นตลกร้ายที่สุด - อนุสรณ์ อุณโณ

อาจารย์อนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 ใน 8 ตัวแทน We Walk ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 ที่ วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ก่อนเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง จะเริ่มเดินเพื่อไปให้กำลังใจ 8 ตัวแทน We Walk เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.คลองหลวง

โดยอาจารย์อนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. ระบุถึงแถลงการณ์ของ 26 ผู้บริหาร มธ.ว่า ขอให้การแสดงออกเป็นไปตามกฎหมายไม่ควรมีข้อยกเว้นเพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเสมอภาคท่าเทียมกัน

โดยอาจารย์อนุสรณ์ กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ปิยพงศ์ ว่า นอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนแล้ว ข้ออ้างที่โฆษกหยิบยกมา ก็เป็นเรื่องตลกร้าย

ข้อแรกคือทำประหนึ่งว่าธรรมศาสตร์จะถือเป็นอภิสิทธิ์ชน จริงๆ แล้ว คนที่ถูกกล่าวหาถูกดำเนินคดีมี 8 คน แต่โฆษกหยิบมาเฉพาะชื่อผมคนเดียว ทำราวกับว่า เรากำลังจะปกป้องคนเพียงคนเดียว ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่

ถ้าดูในแถลงการณ์(26ผู้บริหาร) ไม่ได้ระบุชื่อผมด้วยซ้ำไป และเรื่องหลักการและเหตุผลในแถลงการณ์ก็ครอบคลุมทุกคน ไม่เฉพาะคนที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคนที่เดินฯ และกลุ่มกิจกรรมอื่นๆ ด้วย

อันที่ 2 ด้วยเหตุผลที่ยกมา โดยอ้างว่า จำเป็นต้องยึดหลักการ “คนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอกัน” อันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า ตลกร้ายที่สุดตั้งแต่ คสช.ขึ้นมามีอำนาจ เพราะเราน่าจะตระหนักกันดี วิธีการที่ คสช. ขึ้นมาสู่อำนาจ คือการไม่เคารพกฎหมายของบ้านเมือง

ด้วยเหตุนี้ คนที่ขึ้นสู่อำนาจ โดยอาศัยปืนในมือ กดปราบไม่ให้คนอื่นคัดค้าน พอขึ้นสู่อำนาจแล้วก็มาอ้างว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ผมคิดว่า เป็นตลกร้ายที่สุด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาต้องพิจารณาตัวเองว่าสิ่งที่พูดมา กับพฤติการณ์ที่ผ่านมา สอดรับกันหรือไม่อย่างไร

-ตกเป็นเป้าเพราะเคลื่อนไหวในฝั่งประชาธิปไตยและใกล้ชิดกับคนเสื้อแดงหรือไม่

ในแง่หนึ่งเรายืนยันชัดเจน ตั้งแต่หลังเกิดรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผมกลับมาทำงานที่ประเทศไทย เป็นช่วงเหตุการณ์เสื้อแดง ปี 53 มาเริ่มทำงานที่ธรรมศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่พบว่า มีภาวะความโกลาหลทางการเมืองเกิดขึ้นพอสมควร และก็หลังจากนั้นมีเหตุการณ์ล้อมปราบ มีก็มีการริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้คนอย่างกว้างขวาง

ในแง่หนึ่ง อาจจะทำให้ถูกพิจารณาว่า อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่ถูกริดรอนสิทธิก็เป็นได้ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่โดยหลักการแล้วเรายืนยัน ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อไหน ไม่ว่าจะสมาทานอุดมการณ์อะไร ถ้าไปได้กับเราในแง่ของสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน เราไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้ความสนับสนุนช่วยเหลือร่วมมือกัน

เช่น การรวมตัวกันเป็น People Go Network ก่อนหน้านี้ เคยจัด People Go Network Forum ที่จุฬาฯ 100 กว่าองค์กรเข้าร่วมกัน

ในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ทั้ง 100 กว่าองค์กรนั้น ไม่ได้มีทิศทางเดียวกัน แต่กระจัดกระจายและแบ่งเป็น 2 ขั้วหยาบๆ ได้อย่างชัดเจน

แต่หลังจากผ่านรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2-3 ปีที่ผ่าน ทุกฝ่ายต่างตระหนักกันดีแล้วว่า วิธีการที่ปล่อยให้คนบางกลุ่มเข้ามาใช้อำนาจตามอำเภอใจ มันไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเฉพาะส่วนหรือเฉพาะหน้า

ตรงกันข้ามยิ่งทำให้สาหัสมากขึ้น นอกจากปัญหาเก่าไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาใหม่ก็ถาโถมเข้าไป ด้วยเหตุของการใช้อำนาจอย่างดิบหยาบและผูกขาด ตามอำเภอใจ ก้าวข้ามกฎหมายปกติเต็มไปหมด ซึ่งกระทบกับสภาพแวดล้อมทรัพยากรและวิถีชีวิตของผู้คนด้วย

ฉะนั้น กรณีอย่างนี้ ไม่สามารถมองเราแบบแบ่งขั้วได้อีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าการเมืองไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนภาคประชาชนหรือคนตัวเล็กๆ ซึ่งเราผ่านวิกฤตการเมืองที่ผ่านมาเป็นความขัดแย้งทศวรรษที่ผ่านมา หลายฝ่ายได้เรียนรู้แล้วว่า วิธีการนอกกฎหมายวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่วิธีการที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

-ตอนนี้ไม่สามารถเหมารวม เป็นเสื้อสีอะไรได้แล้ว?

ครับ ตอนนี้เหมารวมไม่ได้แล้ว ใน People Go Network ที่เดินกันตอนนี้ หลายกลุ่มเคยขึ้นเวที กปปส. เวทีพันธมิตรฯ แต่ตอนนี้ เราต่างตระหนักกันดีว่า ภายใต้รัฐบาลที่ขึ้นมาสู่อำนาจโดยไม่ได้ผ่านการยินยอมหรือฉันทามติของใคร ไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาแต่อย่างใด ก็เป็นเหตุให้ทำไมเราจำเป็นต้องรวมตัว ให้สาธทารณะชนได้รับรู้ว่า 3 ปีเศษที่ผ่านมา นอกจากปัญหาไม่ถูกคลี่คลาย ยังถูกทำให้เลือนหายไป และมีความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน มีการผูกขาดความคิดการตัดสินใจ รวมไปถึงวิธีการการแก้ปัญหาของคนบางกลุ่ม ซึ่งไม่ได้มีความเข้าใจปัญหาแต่อย่างใด


[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.