เครื่องบินรัสเซียบินโฉบใส่เครื่องบินลาดตระเวนสหรัฐฯ รัสเซียระบุตนทำถูกต้องแล้วในกรณีเผชิญหน้ากันเหนือทะเลบอลติก
รัสเซียระบุว่าตนไม่ใช่ฝ่ายผิดกรณีที่เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียเผชิญหน้าและบินโฉบเฉี่ยวเครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพอากาศสหรัฐฯเหนือทะเลบอลติก เมื่อ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเครื่องบินสหรัฐฯบินเข้าใกล้พรมแดนรัสเซียโดยที่ไม่เปิดอุปกรณ์ส่งสัญญาณแสดงตัวตน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า เครื่องบินรัสเซียปฏิบัติตามกฎการบินระหว่างประเทศทุกประการ พร้อมแนะนำแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก่สหรัฐฯ ว่าให้หลีกเลี่ยงการบินเข้าใกล้พรมแดนรัสเซีย หรือไม่ก็ให้นักบินเปิดอุปกรณ์ส่งสัญญาณซึ่งมีหน้าที่แจ้งข้อมูลของเครื่องบิน อย่างไรก็ตามไม่มีการระบุชัดเจนว่าจุดที่เกิดการเผชิญหน้าครั้งนี้อยู่ห่างจากน่านฟ้าของรัสเซียเพียงใด
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า เครื่องบินขับไล่ “ซู-27” ของรัสเซียกระทำการชนิดที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังบินโฉบเฉี่ยวและบินควงสว่านเหนือเครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐฯด้วยท่าทีก้าวร้าว พร้อมยืนกรานว่าขณะเกิดเหตุเครื่องบินสหรัฐฯอยู่ในเขตน่านฟ้าสากล ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในเขตของรัสเซียแต่อย่างใด
สหรัฐฯยังระบุด้วยว่า ถูกเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียคุกคามทำนองเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้งเมื่อปีก่อน และเตือนว่าเหตุการณ์เช่นนี้อาจยิ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างสองประเทศมีความตึงเครียดขึ้นโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ การเผชิญหน้าทางทหารระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯและชาติพันธมิตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นับแต่รัสเซียผนวกเอาดินแดนไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตน โดยในช่วง 18 เดือนหลังรัสเซียถูกกล่าวหาว่าแสดงพฤติกรรมคุกคามเช่นนี้หลายครั้งบริเวณเหนือทะเลบอลติกและใกล้กับน่านน้ำของสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังมีรายงานเครื่องบินรัสเซีย 2 ลำบินเฉียดเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯในทะเลบอลติกเกือบ 12 ครั้งเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมชี้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นความพยายามแสดงให้เห็นว่ารัสเซียมีแสนยานุภาพทางการทหารในการต่อกรกับชาติตะวันตก และตะวันตกไม่ควรมองข้าม
แสดงความคิดเห็น