Atukkit Sawangsuk
ประยุทธ์นี่ใหญ่มากเลยนะ โทรข้ามโลกไปคุยกับเลขายูเอ็น 30 นที พูดคนเดียวซะ 25 นาที
แล้วก็บอกคนไทยว่าเลขายูเอ็นเข้าใจ สนับสนุนการสร้างประชาธิปไตย ทั้งที่ตัวเองพูดอยู่ว่าวันนี้ไม่ต้องมาพูดเรื่องประชาธิปไตย ทั้งที่ยูเอ็นเขาวิจารณ์เห็นๆ ว่าต้องเปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นหลักประกัน "ความชอบธรรม"
ชอบธรรมอะไรกัน นปช.ไม่ได้ทำผิด พรบ.ประชามติ กลับใช้คำสั่ง คสช.ไล่จับ นี่คือการใช้อำนาจรัฐประหารมาปิดกั้นเสรีภาพในการทำประชามติ ทั้งที่ลำพัง พรบ.ประชามติก็ปิดกั้นอยู่แล้ว
นี่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาตรา 61 วรรค 2 ขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่มีเสรีภาพอยู่ดีเพราะมีคำสั่ง คสช.ห้าม
แล้วมันจะเหลือความชอบธรรมอะไร มันก็กลายเป็นประชามติที่ชนะก็ไม่ชอบธรรม แต่ถ้าพลิกแพ้นะ ก็ยับเยินละครับ
000000
ใบตองแห้ง
พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา บารมีคับโลกชิงโทรไปหาบันคีมุนเลขาธิการสหประชาชาติ “ดักคอผู้ไม่หวังดี” ใช้เวลาราว 30 นาทีโดยท่านเป็นฝ่ายพูดเสีย 25 นาที
แล้วท่านก็ออกมาบอกคนไทยว่าเลขายูเอ็นหนุนรัฐบาลไทยสร้างประชาธิปไตยยั่งยืน (แต่ตัวท่านเองกลับบอกว่าวันนี้ไม่ต้องมาพูดเรื่องประชาธิปไตย)
คนไทยบางกลุ่มฟังแล้วก็เฮเข้าใจว่าเลขายูเอ็นเห็นด้วยว่าไอ้พวกนปช.ที่ตั้ง “ศูนย์ปราบโกง” เป็นพวกก่อกวนไม่หวังดีหนักแผ่นดินจนทำให้กรุงเทพฯ น้ำท่วม (ถ้าไม่อยากให้น้ำท่วมก็ต้องไปอยู่ที่อื่น)
ใช่ครับโฆษกเลขายูเอ็นแถลงว่าพร้อมให้การสนับสนุนไทยเตรียมความพร้อมเพื่อลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแต่ที่มีรายงานการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการชุมนุมเลขายูเอ็นได้ย้ำถึงความจำเป็นของการมีเวทีที่เปิดกว้างและต้องให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเป็นหลักประกันความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญ
ตกลงเขาเห็นด้วยหรือเพียงแต่ใช้สำนวนการทูตว่าเห็นด้วยให้สร้างประชาธิปไตยแต่ควรเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมไม่ใช่ไล่คนเห็นต่างไปอยู่ในส้วม
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติซาอิด รออัฎ อัลฮุสเซนนำเสนอรายงานต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนกล่าวถึงการลงประชามติว่านับเป็นเรื่องย้อนแย้งที่ทางการไทยจำกัดการแสดงความเห็นประชาชนที่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญถูกควบคุมตัวและแจ้งข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” หากประเทศไทยจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้ประชาชนได้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญโดยเสรีและเป็นธรรม
ฟังแล้วถ้ายังไม่ชัดว่า UN และชาติตะวันตกมีท่าทีอย่างไรต่อการลงประชามติก็ต้องไปฟัง พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ ยืนยันว่าไม่ต้องการให้ UN และ EU มาสังเกตการณ์ประชามติเพราะคสช.ทำทุกอย่างเพื่อให้การลงประชามติโปร่งใสและยุติธรรมอยู่แล้ว
เอ๊ะนี่เรายังสมัครแข่งขันเป็นสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอยู่หรือครับ
การใช้อำนาจปิดศูนย์ปราบโกง นปช.ไม่ใช่การใช้กฎหมายเพราะศูนย์ปราบโกงไม่ผิดพ.ร.บ.ประชามติแต่ท่านใช้คำสั่ง คสช. ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนซึ่งก็คือการใช้อำนาจรัฐประหารเป็นกฎหมายโดยไม่อยู่บนฐานของหลักการและเหตุผลแต่อย่างใด
ถูกละบางคนอาจมองว่า นปช.จ้องก่อกวนแต่ถ้ามองอย่างนั้นก็มองได้ว่าเขาต้องการให้ท่านสั่งปิดแล้วบัดนี้ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
การใช้อำนาจคสช.เข้ามา “ปกป้องการทำประชามติ” จะยิ่งทำลายความชอบธรรมของการทำประชามติที่มีน้อยอยู่แล้วจากตัวกฎหมายที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเปิดให้ กรธ. กกต.และกลไกรัฐชี้แจง “ข้อดี” ร่างรัฐธรรมนูญข้างเดียวกระทั่งเครือข่ายประชาสังคมยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความมาตรา 61 วรรค 2
ลำพังกฎหมายก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้วว่าปิดกั้นท่านยังใช้คำสั่งรัฐประหารซ้ำเติมอีกถามว่าประชามติจะเหลือความชอบธรรมซักเท่าไหร่
นี่ยังมองข้ามช็อตได้ด้วยนะว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่ามาตรา 61 วรรค 2 ขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ไม่มีใครสามารถแสดงความเห็นได้อยู่ดีเพราะ คสช.จะใช้อำนาจห้ามเหมือนนักการเมืองโพสต์ “ไม่รับ” กกต.บอกไม่ผิดท่านยังจะเอาผิด
ระวังนะครับผลประชามติจะออกมา 2 อย่างคือถ้าแพ้ก็ถูกถล่มยับหรือชนะก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ชอบธรรม
source :- FB Atukkit Sawangsuk & http://www.kaohoon.com/online/content/view/41572
แสดงความคิดเห็น