มูฮัมหมัด อาลี เสียชีวิตแล้ว
“โบยบินเยี่ยงผีเสื้อ ต่อยหนักเหมือนผึ้ง”
โฆษกของครอบครัวอาลีออกมาแถลงว่าอดีตนักมวยชื่อก้องของโลกเสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 74 ปี หลังจากที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขามีปัญหาในเรื่องระบบทางเดินหายใจ ผสมกับโรคพาร์คินสัน ทางครอบครัวได้เตรียมจัดงานศพที่บ้านเกิดของเขาที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้
มูฮัมหมัดอาลี ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดแห่งนักสู้ในวงการมวย เขาคว้าตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวทครั้งแรกในปี 2507 ด้วยวัยเพียง 22 ปี จากการเอาชนะซอนนี่ ลิสตัน อดีตแชมป์โลกผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อผู้ใดในเวลานั้น และกลายเป็นนักมวยคนแรกที่คว้าตำแหน่งแชมป์ดังกล่าวมาได้ถึง 3 สมัย อาลีวางมือจากวงการมวยเมื่อปี 2524 สรุปสถิติการชกในอาชีพ เขาคว้าชัยชนะทั้งสิ้น 56 ครั้งจากการขึ้นชก 61 ครั้ง
มูฮัมหมัดอาลี ชื่อเดิมคือ แคสเซียส เคลย์ เขาข้ามขั้นจากการเป็นนักมวยสมัครเล่นไปสู่การเป็นนักชกมืออาชีพหลังเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิคที่โรม เขาโลดแล่นในกีฬามวยรุ่นแฮฟวีเวท ท่ามกลางแฟนมวยที่ชื่นชอบทักษะการชกที่มีฝีเท้าปราดเปรียว การสลับเท้าเต้นที่คล่องแคล่วพอๆกับฝีปากและคารมอันคมกล้าของเขา แม้แต่ในครั้งแรกที่เขาเอาชนะลิสตัน เคลย์ก็คุยตั้งแต่ก่อนลงแข่งว่าเขาจะชนะ ซึ่งขณะนั้นมีคนน้อยมากที่เชื่อเขา
ในช่วงที่เขาขึ้นชกกับลิสตันนี่เองที่เคลย์สนใจเข้าร่วมในกิจกรรมของกลุ่มเนชั่น ออฟ อิสลาม อันเป็นกลุ่มความเชื่อที่ต้องการจะยกระดับคนอเมริกันเชื้อสายอาฟริกันในทุกด้านไม่ว่าด้านจิตใจหรือสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม แต่กลุ่มเรียกร้องให้สังคมปฎิบัติต่อคนผิวดำอย่างแตกต่างจากคนอื่น อันเป็นแนวทางการต่อสู้ที่ต่างไปจากผู้นำการต่อสู้ด้านสิทธิพลเมืองของคนผิวดำคนอื่นเช่นมาร์ติน ลูเธอร์ คิงที่ยึดแนวทางแก้ปัญหาแบบองค์รวม ท้ายสุดเคลย์เปลี่ยนศาสนาหันไปนับถืออิสลาม เขาทิ้งชื่อเดิมที่เขามองว่าเป็นชื่อของ “ทาส” หันไปใช้ชื่อ แคสเซียส เอ็กซ์ ก่อนจะมาเป็นมูฮัมหมัด อาลี
อาลี ได้รับรางวัล "นักกีฬาแห่งศตวรรษ" และเป็น "บุคคลในวงการกีฬาแห่งศตวรรษ" จากนิตยสาร สปอร์ต อิลลัสเตรทเท็ด และบีบีซีตามลำดับ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เขายังเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมืองและกวีผู้ที่อยู่เหนือข้อจำกัดด้านกีฬา เชื้อชาติ และสัญชาติ ในปี 2510 เขาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการทำสงครามเวียดนาม ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากคนอเมริกันที่ไม่เห็นด้วย อาลีไม่ยอมการเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ส่งผลให้เขาถูกถอดจากการเป็นแชมป์โลกและโดนยึดใบอนุญาตการชกมวย ซึ่งเขาก็ไม่ขึ้นชกอีกเลยเป็นเวลาเกือบ 4 ปี แต่หลังจากที่มีการยกเลิกคำตัดสินดังกล่าวปี 2514 อาลีหวนคืนสู่สังเวียนอีกครั้งพร้อมกับขึ้นชกในนัดที่เรียกได้ว่าเป็นนัดประวัติศาสตร์สามนัดของวงการมวยโลก มันช่วยให้สาธารณะรู้สึกดีกับเขามากขึ้น
ผู้ที่สร้างความปราชัยให้กับอาลีเป็นรายแรกคือ โจ ฟราเซียร์ในปี 2514 ที่นิวยอร์ค อันเป็นการชกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนัดแห่งศตวรรษ เขากลับมาคว้าชัยชนะในนัดที่พบกับจอร์จ โฟร์แมนในอีกสามปีต่อมา ปีถัดมาเขาขึ้นชกแก้มืออีกครั้งกับฟราเซียร์และเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ หลังจากนั้นอาลีต้องป้องกันตำแหน่งแชมป์ของเขาอีกหลายครั้ง เขายุติอาชีพนักค้ากำปั้นหลังพ่ายแพ้ลาร์รี่ โฮล์มส์และเทรเวอร์ เบอร์บิคในปี 2523 และ 2524 ตามลำดับ ขณะที่หลายคนเห็นว่าอาลีน่าจะอำลาวงการไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว
ครั้งหนึ่ง เมื่อมีผู้ถามว่าเขาอยากให้โลกจดจำเขาอย่างไร อาลีตอบว่าเขาอยากให้คนจำเขาได้ในฐานะที่ "เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่เคยหักหลังคนของตัวเอง แต่ถ้ามันมากเกินไป ก็ขอให้จำแค่ว่า ผมเป็นนักมวยที่ดีคนหนึ่งก็พอ ผมอาจจะไม่ว่าอะไรมากนักถึงคุณจะไม่บอกว่าผมหล่อแค่ไหน”

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.