‘วีรชน’ตอก’คุณปลื้ม’ เคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมือง เหน็บเกิดเป็นผู้ดีมีบุพการีสั่งสอน ต้องไม่ก้าวร้าวผู้ใหญ่
แล้ววีรชนเคยทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมือง?
ทัศนะแบบทหาร ข้าราชการ คือคนอื่นๆ ในประเทศ ที่เป็นสื่อ เป็นนักธุรกิจ เป็นกรรมกรชาวนา เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่เหมือนตัวเองที่รับราชการ
ทั้งที่ทุกคนก็มีส่วนทำประโยชน์ให้บ้านเมือง เพียงแต่ข้าราชการอยู่ในฐานะลูกจ้างที่ทำงานให้รัฐ โดยได้เงินเดือน สวัสดิการ อำนาจ ตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ตอบแทน
การอ้างว่าเป็นข้าราชการทำประโยชน์มากกว่า จึงไม่ถูกต้อง เพราะต้องคิดคำนวณหักค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องตอบแทนให้ข้าราชการด้วย
สมมติเช่น วีรชนอ้างว่าตัวเองทำประโยชน์ให้บ้านเมืองมากกว่าคุณปลื้ม ก็ต้องคำนึงว่า ตลอดชีวิตวีรชน จากนายร้อยนายพันนายพลจนคงจะไปเกษียณที่พลเอกและอาจรับบำนาญอีก 20 กว่าปีกว่าจะตาย (โดยรักษาฟรีที่ รพ.พระมงกุฎ) ตลอด 60 กว่าปีในชีวิตราชการ รัฐน่าจะต้องจ่ายเงินเดือนบำนาญสวัสดิการค่ารถประจำตำแหน่งค่าอยู่บ้านหลวงน้ำฟรีไฟฟรีน้ำมันฟรี ฯลฯ ไม่น้อยกว่า 100 ล้าน ทั้งที่ชาวบ้านไม่เคยรู้ว่าวีรชนไปรบทัพจับศึกที่ไหนมาบ้าง รู้จักแต่ตอนมาเป็นโฆษกรัฐประหาร ขณะที่คุณปลื้มไม่เคยได้อะไรจากรัฐซักสตางค์ เผลอๆ ยังเสียภาษีให้รัฐหลายสิบล้านบาท นอกเหนือจากการทำหน้าที่สื่อกระตุ้นความคิดให้สังคม
ฉะนั้นการที่ข้าราชการอ้างตนว่าทำประโยชน์กว่าชาวบ้าน กว่าคนอาชีพอื่น ถ้าจะให้ถูก ต้องตั้งสูตรคิดคำนวณว่า คุณทำประโยชน์อะไรบ้าง เคยทำความเสียหาย จ้างแล้วไร้ประสิทธิภาพ ไม่เกิดผลงาน หรือเช้าชามเย็นชามอย่างไร หักลบกลบกันแล้วหารด้วยเงินภาษีที่ประชาชนต้องจ่ายให้ ดูซิว่าตัวเลขจะออกมาเป็นบวกหรือลบ อัตราทำประโยชน์คุ้มค่าจ้างไหม ไม่ใช่ทำงานไปวันๆ ประจบสอพลอเอาใจนายจนได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เกษียณไปนอนสบายกินบำนาญ แล้วอ้างว่าทำประโยชน์มากกว่าชาวบ้าน
กรณีนี้เราอาจถามได้ด้วยว่า แล้วทหารทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมือง
ทหารตั้งแต่ยุคหลังสงครามเย็น ไม่เคยรบกับใคร แม้แน่ละ ประเทศต้องมีทหารประจำการไว้ แน่ละรัฐบาลสามารถใช้ทหารช่วยภัยพิบัติ แต่ก็ต้องหักลบกับการทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง สร้างความเสียหายไปเท่าไหร่ ขณะที่รัฐต้องใช้เงินภาษีมหาศาลจ่ายเงินเดือนจ่ายสวัสดิการ ให้อภิสิทธิ์เหนือราชการอื่นๆ รวมทั้งจำนวนนายพลล้นเกิน
แหม่ คำนวณแล้วเผลอๆ อัตราทำประโยชน์จะติดลบไม่น้อยเลย
อ้อ แล้วประยุทธ์เป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ปลื้มวิจารณ์วุฒิภาวะอยู่นั่นไง


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.