President Donald Trump, accompanied by coal miners and, from left, Interior Secretary Ryan Zinke, Environmental Protection Agency (EPA) Administrator Scott Pruitt, second from right, Energy Secretary Rick Perry, and Vice President Mike Pence, far right, h
ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจผู้นำฝ่ายบริหาร ยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เคยออกมาและบังคับใช้ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า
โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ระเบียบกฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจ และทำให้คนอเมริกันจำนวนมากต้องตกงาน
รายละเอียดคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่นี้ ระบุว่า
- ให้มีการทบทวนแผนพลังงานสะอาดที่ออกมาใช้ในสมัยประธานาธิบดีโอบาม่าเสียใหม่
- ให้หน่วยงานรัฐบาลทั้งหมดระบุถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการผลิตพลังงาน
- ยกเลิกมาตรการระงับการเช่าซื้อถ่านหินของรัฐบาลสหรัฐฯ
- ยกเลิกข้อจำกัดในการขุดเจาะน้ำมันแบบ Fracking
- ถอดถอนกฎเกณฑ์ของรัฐบาลที่จำกัดการปล่อยก๊าซมีเธน
- นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ลดเงินสนับสนุนที่ให้แก่โครงการด้านสิ่งแวดล้อมหลายโครงการ และตัดงบประมาณ ค.ศ. 2018 ของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ หรือ EPA ลงราว 31%
โดยเฉพาะเงินทุนสนับสนุนการวิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกก็จะถูกตัดลงเกือบหมด
Details of the Executive Order
โดยขณะที่หาเสียงเลือกตั้งอยู่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยเรียกกฎหมายเพื่อควบคุมมลภาวะจากโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าของประธานาธิบดีโอบามาว่าเป็นเรื่องที่ "โง่เขลา"
แต่นาย Paul Crutzen นักวิทยาศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปี ค.ศ. 1995 จากผลงานที่ช่วยอธิบายเรื่องการเจือจางของชั้นโอโซนในบรรยากาศโลก ให้ความเห็นว่า
"คำสั่งผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ดังกล่าว จะสร้าง "หายนะ" เพราะจะทำลายผลงานความสำเร็จของนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ผ่านมา และตนไม่คิดว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะพอใจเรื่องนี้"
ส่วนนาย Tim Barnett นักวิจัยกิตติคุณ ที่สถาบัน Scripps Institute of Oceanography ก็กล่าวว่า
"แม้ตนจะเป็นผู้ที่สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม แต่การยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล และปัญหาโลกร้อนไม่ใช่เรื่องของพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันเท่านั้น แต่จะส่งผลถึงการละลายตัวของน้ำแข็งที่ขั้วโลก และมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในทะเล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอยู่ในห่วงโซ่อาหารของโลกด้วย"
Machines dig for brown coal in front of a smoking power plant near the city of Grevenbroich in Germany. The Paris Agreement, which formally starts November 4, 2016, in the Pacific region, seeks to wean the world economy off fossil fuels.
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า คำสั่งผู้นำฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องการยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมนี้ จะมีผลต่อข้อตกลงและสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่สหรัฐฯ เคยทำไว้อย่างไร
แต่ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นมักไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงระหว่างประเทศใดๆ ที่ทำให้สหรัฐฯ ต้องยอมมอบอำนาจหน้าที่ให้กับองค์การระหว่างประเทศ
source ;- https://goo.gl/yxiCua
แสดงความคิดเห็น