'เรืองไกร' เตือนฟ้อง ม.157 สรรพากรประเมินภาษี 'ทักษิณ'

Posted: 27 Mar 2017 06:00 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ด้านสื่อหลายสำนักอ้างกรมสรรพากรเคาะตัวเลขแล้ว กว่า 1.7 หมื่นล้าน กำหนดจะนำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ โดย นพดล ชี้ถ้าจริงก็ใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ต่อ


แฟ้มภาพ

27 มี.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้ายื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ยุติการตรวจสอบ และการจะประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทันที เพราะไม่สามารถทำได้เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกา มีคำพิพากษาว่าหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ที่ขายให้เทมาเส็ก 23 ม.ค. 2549 นั้นเป็นของทักษิณ และพจมาน จะต้องเสียภาษีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 วรรค 8 ซึ่งจะต้องยื่นเสียภาษีภายใน 30 ก.ย. 2549 ดังนั้นคดีนี้มีอายุครบ 10 ปี จึงหมดอายุความแล้วตั้งแต่ 30 ก.ย. 2559 หรือ หมดอายุความมาแล้ว 6 เดือน แต่การตีความของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาให้เรียกเก็บภาษีกับทักษิณ ตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง เพราะพานทองแท้ และ พิณทองทา บุตรชายบุตรสาว เป็นผู้ถือหุ้นแทนเท่านั้น ทักษิณจึงต้องเสียภาษีเอง ตามมาตรา 40(2) ภายใน 31 มี.ค.นี้ ตามกำหนดอายุความ10 ปี

ทั้งนี้ หากกรมสรรพากรยังการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 และกฏหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123 ในฐานะที่เคยทำงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จึงขอเตือนกรมสรรพากรให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีดังกล่าวทันที พร้อมระบุ การมายื่นหนังสือในวันนี้มาในฐานะส่วนตัว ที่คาดว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนนายทักษิณในการต่อสู้คดีเท่านั้น

เรืองไกร เปิดเผยด้วยว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวมีผู้ที่เกี่ยวบางส่วนมีอคติต่อทักษิณ และที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจนถึงขณะนี้ทักษิณ และทีมกฎหมายยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งประเมินภาษีจากกรมสรรพากร

ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า ยังไม่ทราบตัวเลขภาษีที่จะเรียกเก็บว่าเป็นเท่าใด ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ตามขั้นตอนกฎหมาย หากได้ข้อสรุปแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำใบแจ้งที่ต้องชำระภาษี ส่งทางไปรษณีย์ หรือนำไปส่งมอบให้บุคคลภายในบ้านของผู้เสียภาษี แต่หากมีการปฏิเสธหรือไม่สามารถนำส่งใบแจ้งได้ จึงจะนำใบแจ้งไปปิดบริเวณบ้าน แต่ขณะนี้ยังไม่เริ่มขั้นตอนนี้ เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปตัวเลขที่ชัดเจน 
 
สื่อหลายสำนักอ้างเคาะตัวเลขแล้ว กว่า 1.7 หมื่นล้าน

ขณะที่มาสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า โดยอ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ข้อสรุปการประเมินเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจาก ทักษิณ แล้ว โดยคิดเป็นจำนวนเงินภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และกำหนดจะนำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ และจากนั้นผู้เสียภาษีสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน คณะทำงานของกรมสรรพากรสรุปให้ประเมินภาษีตามแนวทางที่ว่ามีการซื้อหุ้นราคาต่ำกว่าราคาตลาด ในช่วงที่บริษัทแอมเพิลริชขายหุ้นให้นอมินีของอดีตนายกรัฐมนตรีในราคาหุ้นละ 1 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดตอนนั้นที่อยู่ที่ 49.25 บาทต่อหุ้น

นพดล ชี้ถ้าจริงก็ใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ต่อ


โดยบีบีซีไทยรายงาน คำสัมภาษณ์ของ นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ ไ้กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ยังไม่เห็นหนังสือจากกรมสรรพากร จึงยังไม่รู้ว่ามีการประเมินการเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณดังกล่าวจริงหรือไม่ และถ้าดูจากข่าวก็บอกว่าจะมีการนำหมายไปแปะที่บ้านจันทร์ส่องหล้าในวันที่ 28 มี.ค. จึงอยากให้รอดูวันพรุ่งนี้ก่อน

"แต่หากมีการประเมินเรียกเก็บภาษี 17,000 ล้านบาทจริง ทางคุณทักษิณก็คงจะตั้งทีมทนาย และใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไป" นพดล กล่าว



เรียบเรียงจาก : TNN24, Voice TV, ไทยโพสต์, เนชั่น, มติชนออนไลน์และบีบีซีไทย

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.