เปิด Timeline จากปากคำชาวกองผักปิ้ง วัน ชัยภูมิ ป่าแส ถูกทหารวิสามัญฯ
Posted: 29 Mar 2017 01:46 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ลำดับเหตุการณ์จากปากคำชาวกองผักปิ้ง เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 'ชัยภูมิ ป่าแส' ช่วงเช้าพาเพื่อนไปตัวเมืองเชียงดาวที่บ้านของ ไมตรี จำเริญสุขสกุล ดูรายละเอียดอุปกรณ์เดินไฟ ก่อนโพสต์เฟซบุ๊กไปเที่ยวพระธาตุ แถวบ้านกับเพื่อน ช่วงสาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทหารวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ด่านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเสียชีวิตของชัยภูมิจากทั้งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมไปถึงพยานในเหตุการณ์หลายปาก (อ่านที่นี่)
รายงานข่าวจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐระบุว่า ร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม5 ร่วมกับชสท.ที่ 9 กองกำลังผาเมือง ที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ได้ขอตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้าแจ๊สสีดำและพบยาบ้าจำนวนรวม 2800 เม็ด ชัยภูมิ ซึ่งนั่งข้างคนขับต่อสู้โดยหยิบมีดขึ้นมา วิ่งหนีไปทางป้อมตำรวจเก่าบ้านอรุโณทัย เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไป ชัยภูมิ ควักระเบิดมาจะขว้างใส่ จึงยิงตอบโต้และเสียชีวิต ทราบชื่อผู้ยิงคือ พลทหารสุรศักดิ์ รัตนสุวรรณ์
ลำดับเหตุการณ์จากปากคำชาวบ้านบ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เช้าวันที่ 17 มี.ค.2560 ชัยภูมิ พาเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันที่ตัวเมืองเชียงดาวมาที่บ้านของ ไมตรี จำเริญสุขสกุล กลุ่มรักษ์ลาหู่ เพื่อดูรายละเอียดอุปกรณ์สำหรับจะเดินไฟบ้านให้ไมตรี หลังจากนั้น ชัยภูมิ กับเพื่อนที่ทราบชื่อภายหลังคือ พงศนัย แสงตะหล้า (ยิว) จึงออกไปราว 8.30 น. และในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ชัยภูมิ โพสต์บนเฟซบุ๊กว่าไปเที่ยวที่พระธาตุ (อยู่แถวบ้าน) กับเพื่อน
ข้อมูลจากเพื่อนผู้หญิงของชัยภูมิ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ตัวอำเภอเชียงดาว ระบุว่า ตนได้มาเที่ยวบ้านกองผักปิ้งพร้อมกับพงศนัยและชัยภูมิ และกลับไปในวันที่ 16 มี.ค. โดยมีชัยภูมิกับพงศนัยขับรถไปส่ง แต่ตนลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถ จึงได้นัดกับชัยภูมิว่าจะมาพบกันในเมืองเพื่อเอากระเป๋าสตางค์มาคืนในวันที่ 17 มี.ค.
ในเวลาราว 11.00 น. ฉันทนา ป่าแส ลูกพี่ลูกน้องของชัยภูมิกำลังเดินทางกลับบ้านจากธุระที่เชียงใหม่และผ่านด่านรินหลวง พบว่าที่มีการกั้นส่วนหนึ่งของด่านไว้และเห็นรถของชัยภูมิจอดอยู่ มีทหารตำรวจอยู่เต็มไปหมด มีเจ้าหน้าที่ใส่สูทและผู้หญิงใส่กระโปรง (ทราบทีหลังว่าแนะนำตัวว่าเป็นอัยการ) และหมอใส่เสื้อกาวน์สีขาว เธอสอบถามจากคนที่อยู่บนรถอีกคันที่จอดดูอยู่ เขาบอกว่า ทหารยิงคนส่งยา ในตอนนั้นฉันทนาเห็นเพื่อนของชัยภูมิและศพถูกคลุมผ้าไว้ไกล ๆ จึงรีบโทรศัพท์กลับบ้านและก็พบว่ายังไม่มีใครทราบเรื่อง ฉันทนาโทรศัพท์บอกพี่สาวที่ทำงานอยู่ในอำเภอหางดง (ไพรนภา ป่าแส) ไพรนภารีบโทรศัพท์ถามคนในหมู่บ้านเช่นกัน คนในหมู่บ้านนั้นจึงได้โทรศัพท์บอกไมตรี เพราะไมตรีเป็นเสมือนพี่ชายที่ดูแลชัยภูมิมาตลอดแทนแม่และพ่อเลี้ยง
ไมตรี เดินทางไปถึงด่านรินหลวงราวเที่ยง มีทหารตำรวจมากมาย 30-40 คน ทหารให้นั่งรอฝั่งตรงข้ามป้อมตำรวจร้าง ไมตรีพยายามจะเข้าไปดู เห็นศพอยู่หลังป้อมตำรวจในระยะไกล ๆประมาณ 2-300 เมตร แต่ทหารกั้นเอาไว้และมีการโต้เถียงกัน จากนั้นมีทหารที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยเข้ามาคุยอย่างสุภาพว่าเขาเสียใจ ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่ชัยภูมิต่อสู้และจะขว้างระเบิดใส่ คนของเขาจึงต้องยิง ไม่ได้เป็นการเล็งยิงให้โดนจุดสำคัญ จะให้โดนมือ แต่พลาดไปโดนอวัยวะสำคัญ
ในขณะเดียวกัน ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านของชัยภูมิที่บ้านกองผักปิ้ง ฉันทนาซึ่งกลับมาจากด่านแล้วได้สอบถามว่ามีการยิงอะไรที่ด่าน ทหารตอบว่า ไม่มีการยิงอะไรเลย ใครเป็นคนบอก ไม่มีการยิง จากนั้นพ่อเลี้ยงของชัยภูมิได้พาทหารไปที่บ้านของไมตรี เนื่องจากชัยภูมิมักมานอนบ้านของไมตรี เมื่อไมตรีทราบข่าวว่าทหารจะไปค้นบ้านจึงรีบกลับ แต่เมื่อถึงบ้านทหารก็กลับไปแล้ว ส่วนฉันทนานั้นได้กลับมาที่ด่านรินหลวงอีกครั้งราวบ่าย ซึ่งศพไม่อยู่บริเวณนั้นแล้ว อัยการกับตำรวจแจ้งเธอว่าให้ไปรับศพน้องที่โรงพยาบาลนครพิงค์ราวบ่ายโมง และไม่ต้องเป็นห่วง จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
ข้อมูลเบื้องต้นจากแพทย์นิติเวชฯ แจ้งกับญาติในวันที่ 18 มี.ค. ว่า ชัยภูมิถูกยิงเข้าด้านข้างของต้นแขนซ้ายด้วยปืน M16 กระสุนเข้ารูเล็ก ทะลุออกใหญ่ที่ต้นแขนและเข้าที่ลำตัว พบกระสุนแตกอยู่ในตัว และยังไม่ทราบระยะยิงเนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญกับอาวุธความเร็วสูงแบบ M16 รายงานการชันสูตรศพฉบับเต็มนั้นยังไม่เสร็จ และแพทย์แจ้งว่าจะต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน
ในวันที่ 19 มี.ค. ชาวบ้านพาแม่ของชัยภูมิไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนาหวาย ได้รับทราบจากตำรวจว่า มีบันทึกประจำวันว่า ไมตรี ซึ่งเป็นญาติของชัยภูมิ ได้รับทราบข้อมูลจากทหารแล้ว และได้อนุญาตให้มีการชันสูตรศพเบื้องต้นที่ด่านแล้ว ซึ่งไมตรีบอกว่าไม่ได้อนุญาต ไม่ได้มีการถามเรื่องนี้ และตนไม่ได้มีโอกาสเห็นศพเลย
ข้อสงสัยของชาวบ้าน ได้แก่ จริงหรือไม่ ? ที่ชัยภูมิจะขนยาบ้าในวันเกิดเหตุ, จริงหรือไม่ ? ที่คนจะส่งยาโดยเอายาซ่อนไว้ในรถและขับผ่านด่านถาวรซึ่งทราบกันดีว่ามีฉ.ก.ม.5 ตรวจจับยาเสพติด, จริงหรือไม่ ? ที่ชัยภูมิจะมีอาวุธระเบิดอีกทั้งยังกล้าถือระเบิดต่อสู้, สมควรหรือไม่ ? ที่จะวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิจากเหตุการณ์ดังกล่าว
รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า ยาบ้าที่ทหารนำมาแสดงให้ดูนั้นหีบห่อเป็นยาบ้าของกลุ่มว้า (รัฐฉาน ประเทศพม่า) ซึ่งมีราคาแพง ในขณะที่ยาบ้าจากกลุ่มลาหู่ (รัฐฉาน ประเทศพม่า) ซึ่งอาจมีการจ้างคนส่งยาเป็นชาวลาหู่ จะเป็นอีกแบบหนึ่งและราคาถูกกว่า
เกี่ยวกับนายชัยภูมิ
ชัยภูมิ ป่าแส หรือ "จะอุ๊" เป็นชาวลาหู่วัย 17 ย่าง 18 ปี ถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (บัตรเลข 0) ที่ระบุว่าอายุ 21 ปี เนื่องจากความผิดพลาดของข้อมูลตั้งแต่การสำรวจ กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม
ตั้งแต่เด็กเล็ก ชัยภูมิเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรักษ์ลาหู่ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการรวมกลุ่มเยาวชนในกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ และกิจกรรมวัฒนธรรมอื่น ๆ เพื่อให้ห่างไกลยาเสพติด ผลงานเพลงของชัยภูมิ ได้แก่เพลงเพื่อคนไร้สัญชาติ ชื่อ “จงภูมิใจ” ผลงานภาพยนตร์สั้นได้แก่การเป็นทีมงานภาพยนตร์เรื่อง “เข็มขัดกับหวี” (รางวัลช้างเผือกพิเศษดีเด่น เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 16 จัดโดยมูลนิธิหนังไทย) และ "ทางเลือกของจะดอ" (รางวัลชมเชยรัตน์ เปสตันยี จากเทศกาลเดียวกัน) รวมถึงร่วมเป็นทีมงานในสารคดีที่ผลิตโดยกลุ่มรักษ์ลาหู่ เช่นรายการบ้านเธอก็บ้านฉัน ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส นอกจากนี้ ชัยภูมิยังได้เป็นผู้นำในการฟื้นฟูการเต้นแจโก่ของชาวลาหู่จนได้รับการยอมรับในหมู่บ้าน เป็นผู้นำคณะเด็กและเยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่จากบ้านกองผักปิ้งออกแสดงในหลายพื้นที่ ล่าสุด ได้ร่วมกับศิลปินญีปุ่นจากเมืองโอซากาทำนิทานเพลงเรื่องขนมออฟุและตำนานภาษาลาหู่ มาจัดแสดงในงาน ดี ต่อ ใจ ณ แพร่งภูธร เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2560
ในด้านสังคม ชัยภูมิเป็นหนึ่งในกำลังเยาวชนที่ร่วมรณรงค์เรียกร้องการแก้ปัญหาภาวะไร้สัญชาติของคนชาติพันธุ์ เป็นแกนนำในการจัดค่ายเยาวชนชนเผ่าและได้รับเลือกเป็นประธานเครือข่ายต้นกล้าเยาวชนพื้นเมือง และเป็นตัวแทนเครือข่ายฯ เข้าร่วมในการประชุมสัมมนาในระดับประเทศมาหลายครั้ง ชัยภูมิเคยให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้งว่า ตนเติบโตมาในหมู่บ้านที่แวดล้อมด้วยปัญหายาเสพติดและเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน การร่วมกิจกรรมกับรักษ์ลาหู่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้าย ได้มีโอกาสเอาใจใส่เลี้ยงดูน้องชายและแม่มากขึ้น เขามีความฝันอยากให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดี และตนเองอยากเรียนจบปริญญาตรีและกลับมาเป็นครูสอนหนังสือเด็กในหมู่บ้าน
หมายเหตุ :
1. พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดจริง เด็กวัยรุ่นหลายคนเคยทดลองใช้ยาและรู้จักว่ายาบ้ามีหลายประเภท หีบห่อต่างกันอย่างไร
2. ด่านรินหลวงเป็นสถานที่จอแจ บริเวณนั้นมีศาลาพักรอรถโดยสาร มีแม่ค้าขายของ บ้านชาวบ้านและไม่ไกลจากโรงเรียน
3. เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560 เวลาประมาณ 14.30 น. ฉ.ก.ม.5 ได้วิสามัญ อะเบ แซ่หมู่ อายุ 32 ปี ชาวลีซูรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาวเช่นกัน โดยอ้างว่าผู้ตายมีเฮโรอีนและอาวุธระเบิดรวมถึงต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดที่ถนนลูกรังไร่ข้าวโพด
หมายเหตุ : ประชาไทได้รับรายงานลำดับเหตุการณ์ปากคำชาวบ้านบ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จากแหล่งข่าวเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
Posted: 29 Mar 2017 01:46 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ลำดับเหตุการณ์จากปากคำชาวกองผักปิ้ง เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 'ชัยภูมิ ป่าแส' ช่วงเช้าพาเพื่อนไปตัวเมืองเชียงดาวที่บ้านของ ไมตรี จำเริญสุขสกุล ดูรายละเอียดอุปกรณ์เดินไฟ ก่อนโพสต์เฟซบุ๊กไปเที่ยวพระธาตุ แถวบ้านกับเพื่อน ช่วงสาย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ภาพชัยภูมิและเจ้าหน้าที่ทหารค้นรถคนเกิดเหตุที่ชัยภูมินั่งมาด้วย
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทหารวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ด่านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเสียชีวิตของชัยภูมิจากทั้งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมไปถึงพยานในเหตุการณ์หลายปาก (อ่านที่นี่)
รายงานข่าวจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐระบุว่า ร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม5 ร่วมกับชสท.ที่ 9 กองกำลังผาเมือง ที่ด่านตรวจถาวรบ้านรินหลวง ได้ขอตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้าแจ๊สสีดำและพบยาบ้าจำนวนรวม 2800 เม็ด ชัยภูมิ ซึ่งนั่งข้างคนขับต่อสู้โดยหยิบมีดขึ้นมา วิ่งหนีไปทางป้อมตำรวจเก่าบ้านอรุโณทัย เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไป ชัยภูมิ ควักระเบิดมาจะขว้างใส่ จึงยิงตอบโต้และเสียชีวิต ทราบชื่อผู้ยิงคือ พลทหารสุรศักดิ์ รัตนสุวรรณ์
ลำดับเหตุการณ์จากปากคำชาวบ้านบ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เช้าวันที่ 17 มี.ค.2560 ชัยภูมิ พาเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันที่ตัวเมืองเชียงดาวมาที่บ้านของ ไมตรี จำเริญสุขสกุล กลุ่มรักษ์ลาหู่ เพื่อดูรายละเอียดอุปกรณ์สำหรับจะเดินไฟบ้านให้ไมตรี หลังจากนั้น ชัยภูมิ กับเพื่อนที่ทราบชื่อภายหลังคือ พงศนัย แสงตะหล้า (ยิว) จึงออกไปราว 8.30 น. และในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ชัยภูมิ โพสต์บนเฟซบุ๊กว่าไปเที่ยวที่พระธาตุ (อยู่แถวบ้าน) กับเพื่อน
ข้อมูลจากเพื่อนผู้หญิงของชัยภูมิ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ตัวอำเภอเชียงดาว ระบุว่า ตนได้มาเที่ยวบ้านกองผักปิ้งพร้อมกับพงศนัยและชัยภูมิ และกลับไปในวันที่ 16 มี.ค. โดยมีชัยภูมิกับพงศนัยขับรถไปส่ง แต่ตนลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนรถ จึงได้นัดกับชัยภูมิว่าจะมาพบกันในเมืองเพื่อเอากระเป๋าสตางค์มาคืนในวันที่ 17 มี.ค.
ในเวลาราว 11.00 น. ฉันทนา ป่าแส ลูกพี่ลูกน้องของชัยภูมิกำลังเดินทางกลับบ้านจากธุระที่เชียงใหม่และผ่านด่านรินหลวง พบว่าที่มีการกั้นส่วนหนึ่งของด่านไว้และเห็นรถของชัยภูมิจอดอยู่ มีทหารตำรวจอยู่เต็มไปหมด มีเจ้าหน้าที่ใส่สูทและผู้หญิงใส่กระโปรง (ทราบทีหลังว่าแนะนำตัวว่าเป็นอัยการ) และหมอใส่เสื้อกาวน์สีขาว เธอสอบถามจากคนที่อยู่บนรถอีกคันที่จอดดูอยู่ เขาบอกว่า ทหารยิงคนส่งยา ในตอนนั้นฉันทนาเห็นเพื่อนของชัยภูมิและศพถูกคลุมผ้าไว้ไกล ๆ จึงรีบโทรศัพท์กลับบ้านและก็พบว่ายังไม่มีใครทราบเรื่อง ฉันทนาโทรศัพท์บอกพี่สาวที่ทำงานอยู่ในอำเภอหางดง (ไพรนภา ป่าแส) ไพรนภารีบโทรศัพท์ถามคนในหมู่บ้านเช่นกัน คนในหมู่บ้านนั้นจึงได้โทรศัพท์บอกไมตรี เพราะไมตรีเป็นเสมือนพี่ชายที่ดูแลชัยภูมิมาตลอดแทนแม่และพ่อเลี้ยง
ไมตรี เดินทางไปถึงด่านรินหลวงราวเที่ยง มีทหารตำรวจมากมาย 30-40 คน ทหารให้นั่งรอฝั่งตรงข้ามป้อมตำรวจร้าง ไมตรีพยายามจะเข้าไปดู เห็นศพอยู่หลังป้อมตำรวจในระยะไกล ๆประมาณ 2-300 เมตร แต่ทหารกั้นเอาไว้และมีการโต้เถียงกัน จากนั้นมีทหารที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยเข้ามาคุยอย่างสุภาพว่าเขาเสียใจ ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่ชัยภูมิต่อสู้และจะขว้างระเบิดใส่ คนของเขาจึงต้องยิง ไม่ได้เป็นการเล็งยิงให้โดนจุดสำคัญ จะให้โดนมือ แต่พลาดไปโดนอวัยวะสำคัญ
ในขณะเดียวกัน ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านของชัยภูมิที่บ้านกองผักปิ้ง ฉันทนาซึ่งกลับมาจากด่านแล้วได้สอบถามว่ามีการยิงอะไรที่ด่าน ทหารตอบว่า ไม่มีการยิงอะไรเลย ใครเป็นคนบอก ไม่มีการยิง จากนั้นพ่อเลี้ยงของชัยภูมิได้พาทหารไปที่บ้านของไมตรี เนื่องจากชัยภูมิมักมานอนบ้านของไมตรี เมื่อไมตรีทราบข่าวว่าทหารจะไปค้นบ้านจึงรีบกลับ แต่เมื่อถึงบ้านทหารก็กลับไปแล้ว ส่วนฉันทนานั้นได้กลับมาที่ด่านรินหลวงอีกครั้งราวบ่าย ซึ่งศพไม่อยู่บริเวณนั้นแล้ว อัยการกับตำรวจแจ้งเธอว่าให้ไปรับศพน้องที่โรงพยาบาลนครพิงค์ราวบ่ายโมง และไม่ต้องเป็นห่วง จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
ข้อมูลเบื้องต้นจากแพทย์นิติเวชฯ แจ้งกับญาติในวันที่ 18 มี.ค. ว่า ชัยภูมิถูกยิงเข้าด้านข้างของต้นแขนซ้ายด้วยปืน M16 กระสุนเข้ารูเล็ก ทะลุออกใหญ่ที่ต้นแขนและเข้าที่ลำตัว พบกระสุนแตกอยู่ในตัว และยังไม่ทราบระยะยิงเนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญกับอาวุธความเร็วสูงแบบ M16 รายงานการชันสูตรศพฉบับเต็มนั้นยังไม่เสร็จ และแพทย์แจ้งว่าจะต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน
ในวันที่ 19 มี.ค. ชาวบ้านพาแม่ของชัยภูมิไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนาหวาย ได้รับทราบจากตำรวจว่า มีบันทึกประจำวันว่า ไมตรี ซึ่งเป็นญาติของชัยภูมิ ได้รับทราบข้อมูลจากทหารแล้ว และได้อนุญาตให้มีการชันสูตรศพเบื้องต้นที่ด่านแล้ว ซึ่งไมตรีบอกว่าไม่ได้อนุญาต ไม่ได้มีการถามเรื่องนี้ และตนไม่ได้มีโอกาสเห็นศพเลย
ข้อสงสัยของชาวบ้าน ได้แก่ จริงหรือไม่ ? ที่ชัยภูมิจะขนยาบ้าในวันเกิดเหตุ, จริงหรือไม่ ? ที่คนจะส่งยาโดยเอายาซ่อนไว้ในรถและขับผ่านด่านถาวรซึ่งทราบกันดีว่ามีฉ.ก.ม.5 ตรวจจับยาเสพติด, จริงหรือไม่ ? ที่ชัยภูมิจะมีอาวุธระเบิดอีกทั้งยังกล้าถือระเบิดต่อสู้, สมควรหรือไม่ ? ที่จะวิสามัญฆาตกรรมชัยภูมิจากเหตุการณ์ดังกล่าว
รวมถึงข้อสงสัยที่ว่า ยาบ้าที่ทหารนำมาแสดงให้ดูนั้นหีบห่อเป็นยาบ้าของกลุ่มว้า (รัฐฉาน ประเทศพม่า) ซึ่งมีราคาแพง ในขณะที่ยาบ้าจากกลุ่มลาหู่ (รัฐฉาน ประเทศพม่า) ซึ่งอาจมีการจ้างคนส่งยาเป็นชาวลาหู่ จะเป็นอีกแบบหนึ่งและราคาถูกกว่า
เกี่ยวกับนายชัยภูมิ
ชัยภูมิ ป่าแส หรือ "จะอุ๊" เป็นชาวลาหู่วัย 17 ย่าง 18 ปี ถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (บัตรเลข 0) ที่ระบุว่าอายุ 21 ปี เนื่องจากความผิดพลาดของข้อมูลตั้งแต่การสำรวจ กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม
ตั้งแต่เด็กเล็ก ชัยภูมิเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรักษ์ลาหู่ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการรวมกลุ่มเยาวชนในกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ และกิจกรรมวัฒนธรรมอื่น ๆ เพื่อให้ห่างไกลยาเสพติด ผลงานเพลงของชัยภูมิ ได้แก่เพลงเพื่อคนไร้สัญชาติ ชื่อ “จงภูมิใจ” ผลงานภาพยนตร์สั้นได้แก่การเป็นทีมงานภาพยนตร์เรื่อง “เข็มขัดกับหวี” (รางวัลช้างเผือกพิเศษดีเด่น เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 16 จัดโดยมูลนิธิหนังไทย) และ "ทางเลือกของจะดอ" (รางวัลชมเชยรัตน์ เปสตันยี จากเทศกาลเดียวกัน) รวมถึงร่วมเป็นทีมงานในสารคดีที่ผลิตโดยกลุ่มรักษ์ลาหู่ เช่นรายการบ้านเธอก็บ้านฉัน ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส นอกจากนี้ ชัยภูมิยังได้เป็นผู้นำในการฟื้นฟูการเต้นแจโก่ของชาวลาหู่จนได้รับการยอมรับในหมู่บ้าน เป็นผู้นำคณะเด็กและเยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่จากบ้านกองผักปิ้งออกแสดงในหลายพื้นที่ ล่าสุด ได้ร่วมกับศิลปินญีปุ่นจากเมืองโอซากาทำนิทานเพลงเรื่องขนมออฟุและตำนานภาษาลาหู่ มาจัดแสดงในงาน ดี ต่อ ใจ ณ แพร่งภูธร เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2560
ในด้านสังคม ชัยภูมิเป็นหนึ่งในกำลังเยาวชนที่ร่วมรณรงค์เรียกร้องการแก้ปัญหาภาวะไร้สัญชาติของคนชาติพันธุ์ เป็นแกนนำในการจัดค่ายเยาวชนชนเผ่าและได้รับเลือกเป็นประธานเครือข่ายต้นกล้าเยาวชนพื้นเมือง และเป็นตัวแทนเครือข่ายฯ เข้าร่วมในการประชุมสัมมนาในระดับประเทศมาหลายครั้ง ชัยภูมิเคยให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้งว่า ตนเติบโตมาในหมู่บ้านที่แวดล้อมด้วยปัญหายาเสพติดและเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน การร่วมกิจกรรมกับรักษ์ลาหู่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้าย ได้มีโอกาสเอาใจใส่เลี้ยงดูน้องชายและแม่มากขึ้น เขามีความฝันอยากให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านมีชีวิตที่ดี และตนเองอยากเรียนจบปริญญาตรีและกลับมาเป็นครูสอนหนังสือเด็กในหมู่บ้าน
หมายเหตุ :
1. พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดจริง เด็กวัยรุ่นหลายคนเคยทดลองใช้ยาและรู้จักว่ายาบ้ามีหลายประเภท หีบห่อต่างกันอย่างไร
2. ด่านรินหลวงเป็นสถานที่จอแจ บริเวณนั้นมีศาลาพักรอรถโดยสาร มีแม่ค้าขายของ บ้านชาวบ้านและไม่ไกลจากโรงเรียน
3. เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2560 เวลาประมาณ 14.30 น. ฉ.ก.ม.5 ได้วิสามัญ อะเบ แซ่หมู่ อายุ 32 ปี ชาวลีซูรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาวเช่นกัน โดยอ้างว่าผู้ตายมีเฮโรอีนและอาวุธระเบิดรวมถึงต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดที่ถนนลูกรังไร่ข้าวโพด
หมายเหตุ : ประชาไทได้รับรายงานลำดับเหตุการณ์ปากคำชาวบ้านบ้านกองผักปิ้ง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จากแหล่งข่าวเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
แสดงความคิดเห็น