'ดีเอสไอ' ส่งจนท.สอบปากคำ 'เป๊ปซี่ ชาวลาว' ยันไม่จัดฉากคดีจับอาวุธสงครามเครือข่ายโกตี๋

Posted: 29 Mar 2017 07:17 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

'เป๊ปซี่ ชาวลาว' แจงทำงานรับส่งสินค้าไปลาว ยันไม่รู้จักโกตี๋ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบลังกระดาษทั้ง 7 ลังพบเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

29 มี.ค.2560 มติชนออนไลน์รายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการคดีกับเครือข่ายของ เครื่องเสียง กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้มีจับกุมตัว หัดสะดี ทิพะสอน หรือ เป๊ปซี่ ชาวลาว ได้ที่ในเขตเมือง จ.หนองคาย เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงกับ วุฒิพงศ์ ซึ่งก็มีข้อมูลตรงกันในการติดต่อกับ ธีรชัย อุตรวิเชียร หรือ ระพิน 1 ใน 9 ผ้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นความเกี่ยวข้องกันและเราจะขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำแล้ว ทั้งนี้ เท่าที่ทราบข่าวตามสื่อ ก็จะเห็นว่าเขามีการรับสารภาพเองว่ามีการติดต่อ ส่งของให้ วุฒิพงศ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปดูว่าที่เขาให้การมาเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ ส่วนอาวุธสงครามที่ตรวจค้นได้ก่อนหน้านี้ ขณะนี้มีเพียงปืน 1 กระบอก ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่เหลือก็ต้องตรวจสอบต่อไป

ต่อกรณีที่เป็นลังกระดาษ เป็นเครื่องเสียงหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังจากมีการตรวจสอบข้อความสนทนาในแอพพลิเคชั่นไลน์ ก็จะพบว่าการติดต่อของ ธีรชัยกับกลุ่มนี้ มีการติดต่อกันจริง และหลายครั้งที่บางสื่อบอกว่าเรื่องนี้เป็นการจัดฉากนั้น ก็อยากให้เห็นชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การจัดฉาก มันมีข้อเท็จจริงอยู่ อีกทั้ง ตัวละครก็ดี ข้อมูลต่าง ๆ ก็ดี มันเป็นข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบพบ และตัวเขาก็รับเองว่ามีการติดต่อกันจริง ส่วนจะมีการส่งเครื่องเสียงและอาวุธกันจริงหรือไม่นั้น ในการตรวจสอบก็จะต้องตรวจสอบต่อไป แต่ในข้อเท็จจริงหลังจากมีการตรวจค้น บางสื่อบางฉบับก็พูดกันว่าเป็นการจัดฉาก ดังนั้น ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าการจับกุมครั้งนี้มีหลักฐานจริง และเป็นการสืบสวนขยายผลจริง

สำหรับคำถามในส่วนของวุฒิพงศ์จะมีการประสานกับต่างประเทศอย่างไรบ้าง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เราจะต้องประสานอยู่แล้ว อีกทั้ง คดีนี้ก็ต้องมีหมายจับเพิ่มเติม ซึ่งเดิมเรามีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่แล้ว ที่ดำเนินการอยู่ แต่พอเรื่องนี้หากสามารถออกหมายจับได้ ก็จะต้องมีการประสานต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่านายวุฒิพงศ์เดินทางออกจาก สปป.ลาว ไปแล้วนั้น ทางการข่าวก็ยังต้องพิสูจน์ทราบว่าจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากทราบที่อยู่ที่ชัดเจนแล้ว ทางเราก็คงจะต้องมีการประสานต่อไป
หัดสะดี แจงทำงานรับส่งสินค้าไปลาว ยันไม่รู้จักโกตี๋

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า จากการสอบสวน หัดสะดี ให้การว่า ตนเข้ามาทำงานในไทยได้ 10 ปี โดยทำงานรับจ้างกับบริษัทส่งของ “แม่แอ” ซึ่งเป็นคนลาวด้วยกัน รับส่งสินค้าจากไทยไปลาว และตนมีภรรยาชาวไทย พักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคาย เมื่อวันที่ 27 ม.ค.60 มีชายชาวลาวติดต่อทางไลน์มาหาตน ถามว่า “ใช่ขนส่งแม่แอมั้ย” พร้อมบอกว่า ชื่อ เหรียญทอง ทำงานอยู่ที่ลาวสตาร์ (สถานีโทรทัศน์ของลาว)

โดย เหรียญทอง บอกต่อว่า จะมีคนเอาของมาฝากมาให้ ให้เอามาส่งที่ลาวสตาร์ในวันที่ 30 ม.ค.60 ซึ่งจะมีผู้ชายโทร.ติดต่อตนเอง และคนที่จะเอาของมาส่งจะเป็นคนขับรถเอาของมาส่งให้ที่โกดังแม่แอ หลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งโทรศัพท์มาหาตนบอกว่า จะเอาของมาฝาก ตนได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ พบว่า ขึ้นไลน์ชื่อ “ระพินทร์” จากนั้น ระพินทร์ ได้ขับรถยนต์โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน ชฐ 3822 กรุงเทพมหานคร มีผู้หญิงนั่งมาด้วย มาที่โกดัง แล้วนำลังกระดาษ 7 ลัง แต่ละลังหนักประมาณ 20-30 กก. ให้ตนรับ และนำมาเก็บไว้ที่โกดัง

จากนั้นวันที่ 31 ม.ค.60 มีรถสิบล้อจากฝั่งลาวมารับลังกระดาษทั้งหมดไปโดยตนไมได้ไปส่งเอง จากนั้น เหรียญทอง ได้ไลน์มาถามตนว่า ของมาถึงรึยัง ตนตอบไปว่าของส่งไปแล้ว หลังจากนั้นอีกหลายวันตนเห็นข่าวการจับกุมเครือข่ายโกตี๋ มีข้อมูลการสนทนากับ ระพินทร์ และโกตี๋ โดยมีชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ของตนปรากฏอยู่ด้วย ตนตกใจมาก เพราะไม่ได้รู้จักกันทั้ง ระพินทร์ และ โกตี๋ ทั้งยังมีคนอ้างตัวว่าเป็นทหารชายแดนที่ภาคใต้โทร.มาหาตนหลายครั้ง ขอให้ตนพาข้ามไปลาวแล้วจะให้ค่าจ้าง แต่ตนกลัวจึงปฏิเสธไป และได้ยกเลิกหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวไป ซึ่งขอยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักกับ โกตี๋ แต่อย่างใด
ลังทั้ง 7 คือเครื่องเสียง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทราบว่า ภายในลังกระดาษทั้ง 7 ลังนั้น เป็นอุปกรณ์เครื่องเสียง มูลค่า 40,350 บาท และเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินการ และยังต้องตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอีกหลายส่วน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.