นิด้าโพลล์ระบุคน 'กทม.-ปริมณฑล' 46% ไม่รู้จักอูเบอร์ 54.51% อยากให้คัดกรองคนขับแท็กซี่


Posted: 25 Mar 2017 11:20 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

“นิด้าโพลล์ล์” เผยผลสำรวจพบคน กทม.-ปริมณฑล ส่วนใหญ่ 46% ไม่รู้จักอูเบอร์และไม่เคยใช้บริการ 41.20% รู้จักแต่ไม่เคยใช้บริการ 75.51% ชี้แท็กซี่ปัจจุบันมีปัญหา 54.51% ระบุว่าควรมีการคัดกรอง การอบรม การมอบใบอนุญาตที่เป็นลักษณะวิชาชีพเฉพาะกลุ่ม อย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ใครก็สามารถขับรถแท็กซี่ได้


26 มี.ค. 2560 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลล์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “เสียงสะท้อนของประชาชน กรณีรถแท็กซี่และรถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi)” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 23 - 25 มีนาคม 2560 จากประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล กระจายทุกระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้บริการรถแท็กซี่และรถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ปัญหาที่พบเจอ และข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาคุณภาพ การให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไป การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลักของนิด้าโพลล์

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเคยใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไปของประชาชน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.08 ระบุว่า เคยใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไป ขณะที่ ร้อยละ 21.92 ระบุว่า ไม่เคยใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไปทั้งนี้ ปัญหาที่ประชาชนเคยพบเจอ เมื่อใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไป พบว่า ประชาชนที่เคยใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไปส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.51 ระบุว่า เคยพบปัญหาการใช้บริการ ขณะที่ ร้อยละ 24.49 ระบุว่า ไม่เคยพบปัญหาการใช้บริการ โดยในจำนวนผู้ที่เคยพบเจอปัญหานั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.50 ระบุว่า เป็นการปฏิเสธผู้โดยสาร จากการสอบถามเชิงลึก เกี่ยวกับจำนวนที่ถูกรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไปปฏิเสธโดยประมาณต่อการเรียกใช้บริการ 1 ครั้ง พบว่า ถูกปฏิเสธเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.5 คัน และถูกปฏิเสธมากที่สุด 20 คัน

ปัญหาการใช้บริการรถแท็กซี่ที่พบเจอ รองลงมา ร้อยละ 29.99 ระบุว่า เป็นปัญหาสภาพรถเก่า ไม่สะอาด แอร์ไม่เย็น มีกลิ่นเหม็น ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ขับอ้อมเส้นทาง ร้อยละ 25.64 ระบุว่า ผู้ขับขี่พูดจาไม่สุภาพ มีกิริยาที่ไม่ดีกับผู้โดยสารหรือผู้ใช้รถใช้ถนน ร้อยละ 21.85 ระบุว่า เป็นการขับรถเร็ว เบรคกะทันหัน ฝ่าไฟแดง จอดรถในที่ห้ามจอด ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ฯลฯ ร้อยละ 20.90 ระบุว่า เป็นการโกงมิเตอร์ คิดราคาแพงเกินกว่าที่กำหนด ร้อยละ 16.15 ระบุว่า ผู้ขับขี่ไม่ชำนาญเส้นทาง ร้อยละ 14.65 ระบุว่า ผู้ขับขี่ไม่ทอนเงินค่าโดยสาร ร้อยละ 9.09 ระบุว่า ผู้ขับขี่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เข้าข่ายการก่ออาชญากรรม ร้อยละ 6.38 ระบุว่า ผู้ขับขี่ไล่ผู้โดยสารลงกลางทางและร้อยละ 4.61 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ถามเรื่องส่วนตัว เปิดวิทยุเสียงดัง พูดเรื่องการเมือง ไม่กดมิเตอร์ ผู้ขับขี่ต้องการราคาเหมาจ่าย รูปบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ไม่ตรงกัน และกินอาหารบนรถ สำหรับข้อเสนอแนะของประชาชนเกี่ยวกับการปรับปรุงการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไป พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.51 ระบุว่า ควรมีการคัดกรอง การอบรม การมอบใบอนุญาตที่เป็นลักษณะวิชาชีพเฉพาะกลุ่ม อย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ใครก็สามารถขับรถแท็กซี่ได้ รองลงมา ร้อยละ 43.03 ระบุว่า ควรมีหน่วยงานสุ่มตรวจคุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่อยู่เป็นประจำ ร้อยละ 33.91 ระบุว่า ควรบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่เคร่งครัด กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่กระทำผิด ร้อยละ 28.28 ระบุว่า ควรแก้ไขเรื่องร้องเรียนต่างๆ ให้จริงจัง ร้อยละ 24.59 ระบุว่า ควรเพิ่มบทลงโทษผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่กระทำผิด ร้อยละ 23.98 ระบุว่า ควรกำหนดราคาที่เป็นธรรม เหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถแท็กซี่และผู้โดยสาร ร้อยละ 3.69 ระบุ อื่นๆ ได้แก่ ผู้ขับขี่ควรปรับปรุงตนเองในการให้บริการ เช่น ไม่ควรปฏิเสธรับผู้โดยสาร การแต่งกาย การรักษาความสะอาด และหน่วยงานควรจำกัดปริมาณรถแท็กซี่ รวมไปถึงการจัดพื้นที่ หรือโซนนิ่งโดยแบ่งพื้นที่ ในการให้บริการ และการแบ่งระดับรถที่ให้บริการ, ควรปรับปรุงด้วยการนำแอพพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่มาใช้ และให้เป็นไปมาตรฐานเดียวกัน และร้อยละ 10.66 ไม่ระบุ

เมื่อถามถึงการรู้จักและการเคยใช้บริการ รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.00 ระบุว่า ไม่รู้จัก และไม่เคยใช้บริการ รองลงมา ร้อยละ 41.20 ระบุว่า รู้จัก แต่ไม่เคยใช้บริการ และร้อยละ 12.80 ระบุว่า รู้จักและเคยใช้บริการ สำหรับข้อกังวลหรือปัญหาที่ประชาชนเคยพบเจอ เกี่ยวกับการให้บริการ รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) พบว่า ประชาชนที่รู้จักรถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ส่วนใหญ่ ร้อยละ 55.67 ระบุว่า มีข้อกังวลหรือปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการ รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ขณะที่ ร้อยละ 45.33 ระบุว่า ไม่มีข้อกังวลหรือปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการ รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ซึ่งในจำนวนผู้ที่มีข้อกังวลหรือปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการนั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 20.59 ระบุว่า เป็นความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพราะผู้ขับขี่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ และการอบรม และไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมายข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก รองลงมา ร้อยละ 10.52 ระบุว่า ผู้ขับไม่ชำนาญเส้นทาง ร้อยละ 9.63 ระบุว่า ราคาแพงกว่ารถแท็กซี่ปกติทั่วไป ร้อยละ 9.33 ระบุว่า บางครั้งเรียกรถแล้วไม่มารับหรือใช้เวลานานในการเดินทางมารับผู้โดยสาร ร้อยละ 9.19 ระบุว่า เป็นการรับผิดชอบของบริษัท Uber หากกรณีเกิดความเสียหาย ร้อยละ 8.89 ระบุว่า รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) มีให้บริการจำนวนน้อยกว่ารถแท็กซี่ปกติทั่วไป ร้อยละ 8.00 ระบุว่า เป็นการแย่งลูกค้า หรือมีเกิดข้อกรณีพิพาทกันกับรถแท็กซี่ปกติทั่วไป แท็กซี่ปกติทั่วไปเสียลูกค้าและรายได้ ร้อยละ 7.70 ระบุว่า เป็นความปลอดภัยในการชำระเงินค่าโดยสารด้วยบัตรเครดิต ร้อยละ 0.44 อื่นๆ ได้แก่ สภาพของรถยนต์ที่นำมาใช้ และมาตรฐานในการให้บริการ และร้อยละ 11.11 ไม่ระบุ

เมื่อถามถึงการตัดสินใจของประชาชนหากต้องเลือกใช้บริการระหว่าง “รถแท็กซี่สาธารณะทั่วไป แต่ต้องเสี่ยงกับปัญหาคุณภาพการให้บริการ” กับ “รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ มีการบริการที่ดี แต่มีราคาค่าโดยสารที่แพงกว่า” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.81 ระบุว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ความเร่งด่วน ค่าใช้จ่ายและความจำเป็น รองลงมา ร้อยละ 30.07 ระบุว่า จะเลือกใช้รถแท็กซี่ปกติทั่วไปแบบเดิม และยอมเสี่ยงกับปัญหาคุณภาพการให้บริการ ร้อยละ 25.19 ระบุว่า จะเลือกใช้รถอูเบอร์ แท็กซี่ (Uber Taxi) ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ มีการบริการที่ดี แต่ มีราคาค่าโดยสารที่แพงกว่า และ ร้อยละ 1.93 ไม่ระบุ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.