ปมวิสามัญฯ 'ชัยภูมิ ป่าแส' ทหารแจงเปิดภาพกล้องวงจรปิดไม่ได้ เหตุใช้เป็นพยานในศาล


Posted: 27 Mar 2017 06:39 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

เหตุวิสามัญฯ ชัยภูมิ ป่าแส ประวิตรโยนกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการ ขณะที่ แม่ทัพภาค 3 แจงไม่สามารถเปิดวงจรปิด เหตุใช้เป็นพยานในชั้นศาล ตร.อ้างพบพิรุธ 3 ผู้ค้ายา โอนเงินเข้าบัญชีของผู้ตาย

27 มี.ค. 2560 สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทหารวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเสียชีวิตของชัยภูมิจากทั้งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมไปถึงพยานในเหตุการณ์หลายปาก (อ่านที่นี่) ต่อมาวันที่ 25 มี.ค.60 พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมตัวแทนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวคืบหน้าการคลี่คลายคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ โดยประเด็นสำคัญที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ คือการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ด่านตรวจค้น ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.สมพงษ์ แจ้งจำรัส รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบกรณีนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จะเปิดเผยภาพดังกล่าว ขณะที่วันนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ตอบเพียงสั้น ๆ ว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ

ขณะที่ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนหนึ่งได้เริ่มแคมเปญรณรงค์ ในเว็บไซต์ Change.org เรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่ทหารเปิดกล้องความจริง
ประวิตรโยนกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการ

โดยวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง กรณีมรการเรียกร้องให้เปิดกล้องวงจรปิดดังกล่าววว่า ทางกองทัพภาคที่ 3 จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยทุกอย่างก็เดินไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ชุดตรวจสอบมี4 ฝ่าย ทั้ง ตำรวจ แพทย์ อัยการ ฝ่ายปกครอง ก็ดำเนินการไป เพราะในส่วนของทหารไม่ได้ทําเพียงฝ่ายเดียว

ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า “ถ้าเป็นผม จะกดออโต้” นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เขาก็ผ่านศึกสงครามมาเยอะ ผมก็ไม่ทราบ ต่างคนต่างคิด ส่วนที่จะยื่นหนังสือต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อให้ตรวจสอบแม่ทัพภาคที่ 3 นั้น ก็ทำไป”

เมื่อถามว่า กองทัพจะไม่เข้าไปแทรกแซงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะมีหลายหน่วยงานที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่ใช่เฉพาะทหารเท่านั้น ดังนั้นสามารถยืนยันได้ว่าจะไม่มีการแทรกแซง ต่างฝ่ายต่างมีองค์กรของของตัวเองทั้ง อัยการ ตำรวจ และทหารก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในจำนวนนั้น
แม่ทัพภาค 3 แจงไม่สามารถเปิดวงจรปิด เหตุใช้เป็นพยานในชั้นศาล

ด้าน พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3 กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดทางกองทัพได้ส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อใช้เป็นพยานในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว จึงไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ ซึ่งต้องให้ศาลเป็นผู้อนุญาตว่าจะเผยแพร่ได้หรือไม่ เพราะต้องใช้ในการต่อสู้ชั้นศาล อีกทั้งขณะนี้ ตำรวจเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อีกทั้งทางกองทัพไม่เคยปิดบัง แต่ต้องขึ้นกับตำรวจและศาลว่าจะอนุญาตให้เผยแพร่หรือไม่


พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาค 3

พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวว่า ส่วนที่กลุ่มเอ็นจีโอ ระบุว่าด่วนสรุปผลการตรวจสอบการวิสามัญนายชัยภูมิเร็วเกินไป นั้น นายชัยภูมิ ใช้อาวุธระเบิดปาใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิที่จะป้องกันตัว หากใครเจอภาวะแบบนั้นก็ต้องตัดสินใจที่จะยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว เพราะหากมองกลับกัน นายชัยภูมิก็ใช้วิธีการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัวเช่นกัน ทหารจึงต้องใช้อาวุธปืน ในการป้องกันตัว ซึ่งไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะถือว่าเสมอตัว

พล.ท.พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าวว่า ทหารคนดังกล่าวได้ปฏิบัติตามกฎปะทะที่ได้กำชับมาโดยตลอด 1. หากไม่จำเป็นเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้อาวุธ 2.จะใช้อาวุธเมื่อจำเป็นและเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น 3.การจะใช้อาวุธต้องมีเป้าหมายที่เจาะจงและชัดเจน โดยไม่ใช้พร่ำเพรื่อ ซึ่งเป็นกฎเหล็กที่ได้ให้ไว้

“ยืนยันว่าพลทหารคนดังกล่าว ปฏิบัติตามกฎการปะทะ และต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วในภาวะวิกฤต และที่สำคัญ พลทหารคนดังกล่าวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกับนายชัยภูมิมาก่อน จึงไม่มีเหตุหรือแรงจูงใจ ในการทำร้ายนายชัยภูมิ โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดนายชัยภูมิซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาถึงขัดขืนการจับกุม และประทุษร้ายเจ้าหน้าที่” พล.ท.วิจักขฐ์ กล่าว
ตร.อ้างพบพิรุธ 3 ผู้ค้ายา โอนเงินเข้าบัญชีของชัยภูมิ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ชัยภูมิ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการพบพิรุธ 3 ผู้ค้ายาเสพติด ที่มีการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของนายชัยภูมิ เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าต้นทางของเงินดังกล่าวมาจากไหน 3 ผู้ค้ายาเสพติดเป็นใคร เกรงว่าจะกระทบสำนวนคดี ส่วนญาติระบุว่าเงินที่โอนเข้ามาเป็นเงินจากธุรกิจกาแฟนั้น ที่มาที่ไปของเงินต้องสามารถชี้แจงได้ เพราะการทำธุรกิจก็ต้องส่งเรื่องเสียภาษีซึ่งต้องมีการสืบสวนขยายผลเช่นกัน เรื่องนี้ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภ.5) กำลังสืบสวนสอบสวนเพื่อให้เกิดความชัดเจน



ที่มา : สำนักข่าวไทย ผู้จัดการออนไลน์ และมติชนออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.