สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน
ศาลภูเขียวเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ฟ้องขับไล่ชาวบ้าน 32 คนออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ฐานบุกรุกที่ป่าสงวน โดยเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาฎีกาลงมา
30 ต.ค.2560 สำนักงานปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานว่า ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เดินทางมายังศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ตามนัด เพื่อมารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ฟ้องขับไล่ดำเนินคดี นิด ต่อทุน จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 31คน และบริวารออกจากพื้นที่ ฐานความผิดบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม
เวลา 13.00 น.ศาลจังหวัดภูเขียว มีคำสั่งเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปโดยไม่มีกำหนดนัด เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาศาลฎีกาสั่งลงมา
ทั้งนี้ที่มาของพื้นที่พิพาทและการถูกดำเนินคดีของชาวบ้าน สืบเนื่องจากปี 2521 เป็นต้นมา อ.อ.ป.เข้ามาปลูกสวนป่ายูคาฯ ตามเงื่อนไขการสัมปทานป่าไม้ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,401 แต่ในทางปฎิบัติ อ.อ.ป.ได้เข้ามาดำเนินการปลูกทับซ้อนที่ดินทำกินของชาวบ้าน ส่งผลกระทบให้ชาวบ้านกว่า 300 ราย ถูกให้อพยพออกจากพื้นที่ กลายเป็นคนไร้ที่ดินทำกิน หลายรายไม่ยอมออกก็จะถูกข่มขู่ จับกุม ดำเนินคดี เป็นต้น ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจึงได้รวมตัวต่อสู้เรียกร้องในสิทธิที่ดินทำกินมาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ก ค.2552 ชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้รวมตัวเข้ายึดพื้นที่ทำกินเดิมกลับคืนมาได้จำนวน 86 ไร่ และตั้งชื่อว่า ชุมชนบ่อแก้ว มานับแต่นั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2552 อ.อ.ป.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องดำเนินคดีชาวบ้านตกเป็นจำเลยรวม 31 คน และในวันที่ 28 เม.ย.2553 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรวมทั้งบริวารออกจากพื้นที่ ซึ่งจำเลยได้ยื่นอุทรณ์
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2554 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ต่อมาจำเลยได้ฎีกา
เมื่อมีหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 2 พ.ค.2560 แต่ไม่สามารถอ่านได้ เนื่องจากจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 เสียชีวิต ศาลจึงมีคำสั่งเรียกให้ทายาทของจำเลยที่เสียชีวิตมายื่นคำร้องขอรับมรดกความ และศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความของทายาทจำเลย ในวันที่ 2 มิ.ย.2660
ในวันไต่สวนตามนัดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2560 ศาลมีคำสั่งเลื่อนนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความออกไปเป็นวันที่ 26 มิ.ย.2560 เนื่องจากเอกสารทะเบียนสมรสของผู้เป็นภรรยาของจำเลยที่ 13 ไม่ครบถ้วน ต้องไปคัดสำเนาทีว่าการอำเภอคอนสาร มายื่นต่อศาล
26 มิ.ย 2560 ตามที่ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 13 ที่ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2558 ภายหลังการไต่สวน ศาลพิเคราะห์จำเลยที่ 13 เสียชีวิตจริง ถึงแก่ความตายระหว่างการพิพากษาของศาลฎีกา โดยมีสวย ปลื้มวงษ์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นทายาทผู้มีสิทธิ์รับของจำเลยที่ 13 จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา มีกำหนดรับฟังคำสั่งและคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 30 ต.ค.2560
แสดงความคิดเห็น