Singapore's Prime Minister Lee Hsien Loong and U.S. President Donald Trump shake hands before giving joint statements in the Rose Garden of the White House in Washington, Oct. 23, 2017.
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวว่า สภาพการณ์ทางภูมิยุทธศาสตร์ในเอเชียแปซิฟิกขึ้นกับเจตนาของสหรัฐฯ ด้วย
นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง (Lee Hsien Loong) ของสิงคโปร์ เป็นแขกรับเชิญของทำเนียบขาวเมื่อปลายเดือนตุลาคม และผู้นำของสิงคโปร์ได้บอกกับประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ ว่าสิงคโปร์ก็เช่นเดียวอีกหลายประเทศในเอเชีย ที่กำลังจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อย่างใกล้ชิด
ระหว่างการกล่าวปราศรัยที่ Council on Foreign Relations ในกรุงวอชิงตัน นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้ให้ทัศนะอย่างกว้างไกล และมีรายละเอียดมากกว่า โดยชี้ว่าสภาพการณ์ทางภูมิยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่กำลังก่อตัวในขณะนี้ ไม่ได้มาจากปัจจัยและพลวัตรภายในเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับเจตนาและการกระทำของสหรัฐฯ ด้วย
ผู้นำของสิงคโปร์กล่าวถึงการแข่งขันในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สหรัฐฯ จะต้องรักษาการมีบทบาทในเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ต้องการเอาไว้ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ประเทศอื่นๆ ที่ต้องการเป็นมิตรกับทั้งสหรัฐฯ และจีน แต่หากจีนมีความพร้อมมากกว่า ประเทศเหล่านี้ก็จะเริ่มผูกสัมพันธ์กับจีนก่อน
นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง กล่าวด้วยว่า จีนมองรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันว่า ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการแสวงกำไรหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ก็อาจบ่งชี้ได้เช่นกันว่า ผู้นำของจีนมองประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เพียงแค่การพูดโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ขณะนี้จีนอาจยังอ่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ออก หรือยังไม่เข้าใจในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบัน
นอกจากนั้น ผู้นำรัฐบาลสิงคโปร์ยังชี้ว่า จากการประชุมใหญ่ครั้งที่ 19 ของพรรคคอมมิวนิตส์จีนที่เพิ่งจบลง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กำลังวางพื้นฐานอนาคตระยะยาวให้กับประเทศ ที่ยาวไกลไปอย่างน้อยถึงปี พ.ศ. 2593 เพื่อให้จีนมีความมั่งคั่งและมีพลังอำนาจต่อไปอีกหลายสิบหรือนับร้อยปี
http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=166098355606110477
แสดงความคิดเห็น