Posted: 02 Dec 2018 03:43 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-02 18:43
นิวยอร์กไทม์รายงานเรื่องที่โบสถ์เบเธลในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ช่วยเหลือคุ้มครองครอบครัวผู้อพยพชาวอาร์เมเนียไม่ให้ถูกส่งตัวกลับประเทศด้วยวิธีการที่เชื่อมโยงกฎหมายของประเทศและพิธีกรรมของศาสนา นั่นคือการทำพิธีนมัสการเป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง แต่วิธีการนี้สามารถปกป้องครอบครัวชาวอาร์เมเนียนี้ได้อย่างไรกันแน่ (ที่มาภาพ: Axel Wicke)
สื่อนิวยอร์กไทม์รายงานว่าบาทหลวงในเนเธอร์แลนด์ทำพิธีนมัสการในโบสถ์ของพวกเขาเป็นเวลายาวนาน 5 สัปดาห์ เพื่อคุ้มครองครอบครัวชาวอาร์เมเนียซึ่งกำลังจะถูกทางการส่งตัวกลับประเทศหลังจากถูกปฏิเสธสถานะผู้ลี้ภัย ถึงแม้ว่าครอบครัวนี้จะบอกว่าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายถ้าถูกส่งตัวกลับประเทศตัวเองและอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์มาเป็นเวลานานเกือบ 9 ปีแล้ว
โบสถ์ในเนเธอร์แลนด์รวมถึงนิกายโปรเตสแตนต์ใช้ประโยชน์จากกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะไม่สามารถปฏิบัติการในสถานที่ๆ กำลังมีการดำเนินพิธีกรรมทางศาสนาได้ ทำให้พวกเขาทำการให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวผู้อพยพในโบสถ์ไปพร้อมๆ กับจัดพิธีกรรมทางศาสนาทำให้เจ้าหน้าที่ทางการไม่สามารถเข้าไปจับกุมตัวพวกเขาได้
อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็มีความท้าทายบางอย่างในช่วงเริ่มต้นคือเรื่องการต้องจัดเวรสำหรับให้สมาชิกบาทหลวงเข้าไปดำเนินพิธีการให้มีความต่อเนื่องไม่ให้มีช่องว่างช่วงที่ไม่มีพิธีกรรม แต่ความพยายามของบาทกลวงโบสถ์นี้ก็สามารถเรียกความสนใจในระดับประเทศได้ในเวลาต่อมาและทำให้สามารถจัดการในเรื่องเวรยามได้ง่ายขึ้น
แอกเซล วิกกี บาทหลวงของโบสถ์เบเธลให้กล่าวว่ามีนักบวชลำดับชั้น ตำแหน่ง และนิกายต่างๆ จากทั่วประเทศมากกว่า 450 คน เข้าร่วมการนมัสการต่อเนื่องนี้ แม้กระทั่งนักบวชจากประเทศอื่นๆ ก็อยากเข้าร่วม มันถือเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มปิติสำหรับพวกเขาที่เห็นนักบวชจากต่างนิกายมีอยากเข้าร่วมดำเนินพิธีกรรมเช่นนี้ แบบที่ตามปกติแล้วคงไม่ได้เห็นพวกเขาอยากทำพิธีสักการะร่วมกัน
ครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้คือทัมราซยันที่มีพ่อแม่และลูกอีก 3 คนอายุ 14-21 ปี พวกเขาบอกว่าที่เดินทางออกจากประเทศอาร์เมเนียเพราะมีคนขู่ฆ่าพวกเขาจากการที่พ่อของพวกเขาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง จากการให้คะแนนขององค์กรฟรีดอมเฮาส์ระบุว่าประเทศอาร์เมเนีย ประเทศเล็กๆ ในแถบพื้นที่คอเคซัส จัดอยู่ในประเทศที่ "เสรีบางส่วน" จากการที่ถึงแม้จะมีสถาบันทางการเมืองเป็นประชาธิปไตยแต่ก็มีการจำกัดเสรีภาพทางการเมืองและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เดิร์ก สตีกแมน บาทหลวงโปรเตสแตนต์ที่เป็นคนพูดแทนครอบครัวทัมราซยันกล่าวว่าพวกเขากำลังหารือกับเจ้าหน้าที่ทางการเนเธอร์แลนด์เพื่อขอให้รัฐบาลตัดสินใจในกรณีครอบครัวทัมราซยันใหม่อีกครั้ง ลูกสาวคนโตของครอบครัวทัมราซยันก็เคยถ่ายวิดีโอขอร้องให้ผู้คนช่วยเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับพวกเขาเป็นผู้ลี้ภัย รวมถึงยังมี "เด็กคนอื่นๆ 400 รายที่เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกับพวกเขา"
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ศาลในเนเธอร์แลนด์จะตัดสินให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวชาวอาร์เมเนียครอบครัวนี้ในฐานะผู้ลี้ภัย แต่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ก็ทำการอุทธรณ์ในเรื่องนี้หลายครั้งให้มีการส่งตัวครอบครัวทัมราซยันกลับประเทศจนกระทั่งอุทธรณ์สำเร็จในครั้งที่ 3 โฆษกของกระทรวงยุติธรรมและความมั่นคงกล่าวว่าเขาไม่สามารถให้คำอธิบายในเรื่องนี้แทนรัฐบาลได้และนโยบายของพวกเขาระบุไม่ให้มีการแถลงเกี่ยวกรณีใดกรณีหนึ่งโดยเฉพาะ
สตีกแมนบอกว่าครอบครัวนี้ต้อลเผชิญกับกระบวนการศาลมานานเป็นเวลาเกือบ 6 ปีแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณที่ได้อยู่ในที่ปลอดภัย
ตามกฎหมายของเนเธอร์แลนด์แล้วรัฐบาลสามารถสร้างข้อยกเว้นให้สถานะผู้อพยพแก่กับครอบครัวที่มีเด็กและอาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์มานาน 5 ปีขึ้นไปได้ แต่โดยส่วนมากแล้วรัฐบาลก็ปฏิเสธที่จะใช้ข้อยกเว้นนี้ กรณีการทะลักเข้ามาในยุโรปของผู้ลี้ภัยในช่วงปี 2558-2559 กลายเป็นข้อถกเถียงทางการเมืองในยุโรปเรื่องนโยบายผู้อพยพมาหลายปีแล้ว สำหรับในเนเธอร์แลนด์นั้นรัฐบาลก่อนหน้านี้ถูกวิจารณ์ว่าเมตตาต่อผู้อพยพมากเกินไป ทำให้รัฐบาลใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วมีท่าทีแข็งข้อขึ้นต่อกรณีผู้อพยพและผู้ลี้ภัย แต่นั่นก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอีกทางหนึ่ง
เรียบเรียงจาก
5 Weeks and Counting: Dutch Church Holds Worship Marathon to Protect Migrant Family, Richard Perez-Pena, New York Times, 29-11-2018
https://www.nytimes.com/2018/11/29/world/europe/bethel-church-netherlands-deportation.html
แสดงความคิดเห็น