หน้าแอปสมาร์ทพาเค็ม (ที่มา:kabar24)
Posted: 29 Nov 2018 05:45 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-11-29 20:45
กลุ่มสิทธิมนุษยชนเตือนเกี่ยวกับโปรแกรมแอปพลิเคชันใหม่ในโทรศัพท์มือถือที่ให้สมาชิกผู้ใช้งานชาวอินโดนีเซียสามารถรายงานเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่พวกเขามองว่า "ทำให้หลงผิด" โดยให้เหตุผลว่าการให้ประชาชนรายงานกันเองเป็นอันตรายในเชิงเสี่ยงทำให้สังคมแตกแยก
สื่อดิอินดิเพนเดนต์รายงานว่าในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่มีความเป็นรัฐศาสนา แต่ก็มักจะบังคับให้พลเมืองต้องระบุตัวเองว่าเป็นศาสนาหลักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม หรือคริสต์ ในอินโดนีเซีย แม้ในปี 2560 ศาลรัฐธรรมนูญได้อนุญาตให้ประชาชนมีศาสนานอกเหนือจากศาสนาหลักของทางการได้ แต่ก็ยังมีเรื่องน่ากังวลเกี่ยวกับการใช้กฎหมายห้ามหมิ่นศาสนาที่มีความเข้มงวดจนถูกนำมาอ้างเอาผิดศาสนาหรือนิกายคนกลุ่มน้อยอย่างมุสลิมนิกายอาหมัดดียาห์
นอกจากนั้น สำนักงานอัยการของอินโดนีเซียยังเปิดให้ใช้งานโปรแกรมแอปพลิเคชันที่ชื่อ "สมาร์ทพาเคม" ซึ่งเปิดให้ผู้คนรายงานศาสนาที่มองว่า "ทำให้หลงผิด" ได้ โดยในนั้นมีการระบุรายชื่อถึงศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนากระแสหลักต่างๆ เอาไว้โดยนิกายอาห์หมัดดียาห์และนิกายกาฟาตาร์ซึ่งสภาอิสลามระดับสูงของอินโดนีเซียจัดให้เป็นกลุ่มนิกาย "นอกคอก" เอาไว้ด้วย
อมิรุดดิน อัลราฮับ สมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าวว่าแอปพลิเคชันนี้อาจจะส่งผลกระทบเลวร้ายต่อสังคมในแง่ที่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกจากการอนุญาตให้เพื่อนบ้านรายงานกันเอง
แต่ถึงแม้จะถูกโต้ตอบจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน แต่แอปพลิเคชันใช้งานฟรีตัวนี้ก็ยังถูกคงปล่อยให้มีการดาวน์โหลดผ่านกูเกิลเพลย์สโตร์ตั้งแต่ช่วงวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา
อัลราฮับวิจารณ์อีกว่าแอปพลิเคชันนี้ทำงานไม่ได้เต็มรูปแบบและสำนักงานอัยการก็ไม่ได้ออกแนวทางที่ระบุนิยามให้ชัดเจนว่าองค์กรแบบไหนที่ถือว่า "อันตราย" และความเชื่อแบบใดที่ถูกมองว่า "ทำให้หลงผิด" โดยที่อัลราฮับมองว่าการไร้แนวทางเช่นนี้จะทำให้ผู้คนสับสน และเมื่อผู้คนไม่รู้ทิศทางพวกเขาจะตัดสินใจเอาเอง นอกจากนี้แอพพลิเคชันนี้อาจจะกลายเป็นการขัดต่อหลักการสิทธิทางความเชื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียตัดสินเอาไว้ในปี 2560 ได้
เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการอินโดนีเซีย ยูเลียนโต กล่าวว่าแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายต้องการให้การศึกษาแก่ประชาชนและเพิ่มความโปร่งใสให้กับระบบการรายงาน โดยที่ในอินโดนีเซียสำนักงานอัยการมีอำนาจภายใต้กฎหมายในการจับตามองกลุ่มศาสนาเพื่อตรวจตราว่าเป็นภัยต่อชุมชนหรือไม่และมีอำนาจในการแต่งตั้งทีมพิจารณาตรวจสอบได้ถ้าหากมีกลุ่มใดก็ตามถูกมองว่าเป็นภัย
เรียบเรียงจาก
Indonesian app that allows uses to report 'misguided' religious beliefs criticised by human rights groups, The Independent, Nov. 28, 2018
Submitted on Thu, 2018-11-29 20:45
กลุ่มสิทธิมนุษยชนเตือนเกี่ยวกับโปรแกรมแอปพลิเคชันใหม่ในโทรศัพท์มือถือที่ให้สมาชิกผู้ใช้งานชาวอินโดนีเซียสามารถรายงานเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่พวกเขามองว่า "ทำให้หลงผิด" โดยให้เหตุผลว่าการให้ประชาชนรายงานกันเองเป็นอันตรายในเชิงเสี่ยงทำให้สังคมแตกแยก
สื่อดิอินดิเพนเดนต์รายงานว่าในขณะที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่มีความเป็นรัฐศาสนา แต่ก็มักจะบังคับให้พลเมืองต้องระบุตัวเองว่าเป็นศาสนาหลักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม หรือคริสต์ ในอินโดนีเซีย แม้ในปี 2560 ศาลรัฐธรรมนูญได้อนุญาตให้ประชาชนมีศาสนานอกเหนือจากศาสนาหลักของทางการได้ แต่ก็ยังมีเรื่องน่ากังวลเกี่ยวกับการใช้กฎหมายห้ามหมิ่นศาสนาที่มีความเข้มงวดจนถูกนำมาอ้างเอาผิดศาสนาหรือนิกายคนกลุ่มน้อยอย่างมุสลิมนิกายอาหมัดดียาห์
นอกจากนั้น สำนักงานอัยการของอินโดนีเซียยังเปิดให้ใช้งานโปรแกรมแอปพลิเคชันที่ชื่อ "สมาร์ทพาเคม" ซึ่งเปิดให้ผู้คนรายงานศาสนาที่มองว่า "ทำให้หลงผิด" ได้ โดยในนั้นมีการระบุรายชื่อถึงศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนากระแสหลักต่างๆ เอาไว้โดยนิกายอาห์หมัดดียาห์และนิกายกาฟาตาร์ซึ่งสภาอิสลามระดับสูงของอินโดนีเซียจัดให้เป็นกลุ่มนิกาย "นอกคอก" เอาไว้ด้วย
อมิรุดดิน อัลราฮับ สมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอินโดนีเซียกล่าวว่าแอปพลิเคชันนี้อาจจะส่งผลกระทบเลวร้ายต่อสังคมในแง่ที่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกจากการอนุญาตให้เพื่อนบ้านรายงานกันเอง
แต่ถึงแม้จะถูกโต้ตอบจากกลุ่มสิทธิมนุษยชน แต่แอปพลิเคชันใช้งานฟรีตัวนี้ก็ยังถูกคงปล่อยให้มีการดาวน์โหลดผ่านกูเกิลเพลย์สโตร์ตั้งแต่ช่วงวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา
อัลราฮับวิจารณ์อีกว่าแอปพลิเคชันนี้ทำงานไม่ได้เต็มรูปแบบและสำนักงานอัยการก็ไม่ได้ออกแนวทางที่ระบุนิยามให้ชัดเจนว่าองค์กรแบบไหนที่ถือว่า "อันตราย" และความเชื่อแบบใดที่ถูกมองว่า "ทำให้หลงผิด" โดยที่อัลราฮับมองว่าการไร้แนวทางเช่นนี้จะทำให้ผู้คนสับสน และเมื่อผู้คนไม่รู้ทิศทางพวกเขาจะตัดสินใจเอาเอง นอกจากนี้แอพพลิเคชันนี้อาจจะกลายเป็นการขัดต่อหลักการสิทธิทางความเชื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียตัดสินเอาไว้ในปี 2560 ได้
เจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการอินโดนีเซีย ยูเลียนโต กล่าวว่าแอปพลิเคชันนี้มีเป้าหมายต้องการให้การศึกษาแก่ประชาชนและเพิ่มความโปร่งใสให้กับระบบการรายงาน โดยที่ในอินโดนีเซียสำนักงานอัยการมีอำนาจภายใต้กฎหมายในการจับตามองกลุ่มศาสนาเพื่อตรวจตราว่าเป็นภัยต่อชุมชนหรือไม่และมีอำนาจในการแต่งตั้งทีมพิจารณาตรวจสอบได้ถ้าหากมีกลุ่มใดก็ตามถูกมองว่าเป็นภัย
เรียบเรียงจาก
Indonesian app that allows uses to report 'misguided' religious beliefs criticised by human rights groups, The Independent, Nov. 28, 2018
แสดงความคิดเห็น