Posted: 29 Nov 2018 05:46 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-11-29 20:46


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มูลนิธิเพื่อคนไทย และภาคีเครือข่ายจัดทำ “โพลต้านโกง” สำรวจความเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2562” พร้อมแถลงผล 20 ธ.ค.นี้

29 พ.ย.2561 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มูลนิธิเพื่อคนไทย จัดการประชุมความร่วมมือภาคีเครือข่ายร่วมขยายผล “โพลต้านโกง” มีภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ทั้งเครือข่ายวิชาการ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ เครือข่ายสื่อ และเครือข่ายประชาชน จัดทำ “โพลต้านโกง” และขยายผล เข้าร่วมประชุมหารือและแถลงข่าวร่วมกัน

ประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) พยายามที่จะสร้างพลังประชาชนให้เกิดการตื่นรู้สู้โกง และออกมารณรงค์เพื่อที่จะต่อต้านคอร์รัปชัน ในภารกิจหลายๆเรื่อง ในโอกาสที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นปีหน้า จึงคิดว่าทำอย่างไรจะทำให้เสียงของประชาชนในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ถูกรับฟังโดยพรรคการเมืองต่างๆ และนำไปจัดทำเป็นนโยบายแนวปฏิบัติ ดังนั้น ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ น่าจะถึงเวลาที่พรรคการเมืองไทยควรจะมีนโยบายด้านการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างจริงจัง และเป็นโอกาสของพรรคการเมืองด้วย ที่จะใช้จังหวะนี้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงช่วงเลือกตั้ง

“เป็นโอกาสสำคัญของประชาชนที่จะสามารถสะท้อนเสียงตัวเองออกไปในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ ว่า มีความต้องการให้พรรคการเมืองและนักการเมืองไทย ดำเนินการในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างไร ผ่านโพลที่ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยดำเนินการ โดยพร้อมจะแถลงผลโพลในวันที่ 20 ธันวาคม 2561 เพื่อให้ทันกับที่พรรคการเมืองต่างๆ จะนำไปพัฒนาเป็นนโยบายในการหาเสียง แต่สำคัญกว่านั้นคือ จะต้องทำจริงตามสัญญาด้วย หลังพ้นช่วงเลือกตั้งด้วย” ประมนต์ กล่าว

เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “โพลต้านโกง” หรือ “โครงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2562” มีประชากรเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไป ขนาดตัวอย่างไม่น้อยกว่า 3,000 ตัวอย่าง โดยมีสัดส่วนกลุ่มที่จะได้มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรกกับกลุ่มที่เคยเลือกตั้งมาแล้วคิดเป็นสัดส่วน 1: 6 กระจายตัวอย่างทั่วประเทศ เกี่ยวกับความคาดหวังต่อการขับเคลื่อนงานต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมือง ในด้าน (1) การขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศ (2) การขับเคลื่อนการทำงานของพรรคการเมือง และ (3) การปฏิบัติตนของนักการเมือง ระยะเวลาโครงการ 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2561

และยังมีการสำรวจในช่องทางออนไลน์ ผ่านเวบไซต์ www.แจกการบ้านนักการเมืองต้านโกง.com ในช่วงวันที่ 1-14 ธันวาคม2561 คาดว่าจะได้จำนวนประชากรเป้าหมายอย่างน้อย 5,000 คน โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิดการกระจายโพลออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางออนไลน์ของภาคีเครือข่ายต่างๆ คาดว่าจะสามารถรวมเสียงของประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 8,000 ตัวอย่าง ถือเป็นจำนวนที่มีความน่าเชื่อถือในทางสถิติ

“จากผลสำรวจล่าสุดของปีนี้ พบว่า ประชาชนร้อยละ 99 ไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน กับร้อยละ 86 บอกว่า พร้อมจะมีส่วนร่วมในการป้องกันต่อต้านการทุจริต โพลต้านโกงนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะไปเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เป็นเจ้าของประเด็นต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่แรก และหากพรรคการเมืองรับข้อเสนอของผลโพลไปเป็นนโยบาย ย่อมเท่ากับว่า สังคมไทยเกิดนโยบายการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในระบบมาจากการฟังเสียงประชาชน” เสาวณีย์ กล่าว

วิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า ด้วยกระบวนการของโพลต้านโกงมีหลายขั้นตอน การจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายองค์กร เริ่มจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ผู้มีพันธกิจหลักในการสร้างเสริมพลังประชาชนร่วมต้านโกง และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือสำรวจวิจัย ขณะที่มูลนิธิเพื่อคนไทยจะมุ่งเน้นเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายให้เข้ามาช่วยกันขยายผลโพล เพื่อให้กระบวนการต่างๆ สมบูรณ์ขึ้น โดยต้องอาศัยภาคีเครือข่ายจำนวนมากช่วยกันกระจายเสียงของประชาชนที่โพลรวบรวมไว้สู่สาธารณะแล้วให้พรรคการเมืองนำไปเป็นนโยบาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาคีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้แก่ สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น, แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม, ทูลมอโร, วายน็อต, โอเพ่นดรีม, สยามอาสา เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีภาคีวิชาการและสื่อมวลชน ตลอดจนผู้นำจากภาคส่วนต่างๆ ที่จะช่วยขยายผลในช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนบุคคล อีกจำนวนมาก

“กระบวนการทำงานนำไปสู่ผลลัพธ์ ไม่ได้จบแค่ “ผลโพล” ยังมีเรื่องการติดตามพันธสัญญานักการเมืองอย่างต่อเนื่อง หลังเลือกตั้ง เครือข่ายภาคประชาชน ร่วมขยายผลใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) ช่วยแชร์โพลออนไลน์ให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ในช่วงวันที่ 1-14 ธ.ค. (2) ร่วมกระจาย “ผลโพล” หรือข้อเสนอของประชาชน ในวงกว้างในรูปแบบต่างๆ อาจจะเป็นเวทีสาธารณะ หรือกิจกรรมอื่นใด ให้เกิดพันธะสัญญาสู้โกงของพรรคการเมือง ในช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ ก่อนการเลือกตั้ง 2562 (3) ร่วมติดตามตรวจสอบ “คำสัญญานักการเมือง” อย่างต่อเนื่องหลังเลือกตั้ง” วิเชียร กล่าว

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.