ทหารผ่านศึกอเมริกันผู้หวนกลับไปใช้ชีวิตในเวียดนาม
เป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้วที่สงครามเวียดนามสิ้นสุดลง ปัจจุบันมีอดีตทหารอเมริกันที่เคยถูกส่งไปรบในสงครามดังกล่าวจำนวนมากตัดสินใจหวนกลับไปใช้ชีวิตในเวียดนาม เพื่อหวังไถ่โทษและเยียวยาจิตใจของตัวเองที่บอบช้ำจากภาพความโหดร้ายในสงครามครั้งนั้น
เมื่อปี 1968 เดวิด เอ็ดเวิร์ด คลาร์ก เคยตั้งค่ายอยู่หลังภูเขาหินอ่อน (Marble Mountains) ในเมืองดานัง ซึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองทัพสหรัฐฯที่เข้าไปช่วยเวียดนามใต้สู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเวียดนามเหนือ แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง คลาร์กได้กลับไปยังสหรัฐฯและพบว่าฝันร้ายจากสงครามเวียดนามยังตามหลอกหลอนเขาไม่สิ้นสุด เขามักนอนฝันร้ายและหวาดระแวงว่าจะถูกพวกเวียดกงซุ่มทำร้าย วิธีเดียวที่ช่วยให้เขาหนีความทรงจำเหล่านี้ก็คือการดื่มเหล้าให้เมามาย
เป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้วที่สงครามเวียดนามสิ้นสุดลง ปัจจุบันมีอดีตทหารอเมริกันที่เคยถูกส่งไปรบในสงครามดังกล่าวจำนวนมากตัดสินใจหวนกลับไปใช้ชีวิตในเวียดนาม เพื่อหวังไถ่โทษและเยียวยาจิตใจของตัวเองที่บอบช้ำจากภาพความโหดร้ายในสงครามครั้งนั้น
เมื่อปี 1968 เดวิด เอ็ดเวิร์ด คลาร์ก เคยตั้งค่ายอยู่หลังภูเขาหินอ่อน (Marble Mountains) ในเมืองดานัง ซึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองทัพสหรัฐฯที่เข้าไปช่วยเวียดนามใต้สู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเวียดนามเหนือ แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง คลาร์กได้กลับไปยังสหรัฐฯและพบว่าฝันร้ายจากสงครามเวียดนามยังตามหลอกหลอนเขาไม่สิ้นสุด เขามักนอนฝันร้ายและหวาดระแวงว่าจะถูกพวกเวียดกงซุ่มทำร้าย วิธีเดียวที่ช่วยให้เขาหนีความทรงจำเหล่านี้ก็คือการดื่มเหล้าให้เมามาย
ในปี 2007 คลาร์กตัดสินใจกลับเวียดนามอีกครั้ง และคราวนี้ไม่ได้กลับไปสู้กับคอมมิวนิสต์ แต่เป็นการกลับไปเผชิญหน้ากับฝันร้ายของตัวเอง โดยการเดินทางไปยังภูเขาหินอ่อน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการกั้นระหว่างหน่วยทหารของเขากับข้าศึก คลาร์กเล่าว่าเมื่อเดินขึ้นไปถึงยอดเขาดังกล่าวเป็นครั้งแรก เขารู้สึกถึงความสงบในจิตใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะการกลับไปครั้งนี้ไม่มีลูกระเบิด ไม่มีการสู้รบ และไม่มีเครื่องบินขับไล่บินผ่านอีกต่อไป ซึ่งนั่นทำให้เขาได้เข้าใจในที่สุดว่าสงครามได้จบลงแล้ว
หลังจากการเดินทางมาเวียดนามในครั้งนั้น คลาร์ก ซึ่งปัจจุบันอายุ 66 ปี ได้เดินทางกลับไปยังเวียดนามอีกหลายครั้ง ซึ่งในช่วงนี้เองเขาได้พบรักกับหญิงสาวชาวเวียดนามคนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจแต่งงานและปักหลักอยู่ที่นี่เมื่อ 2 ปีก่อน
คลาร์ก เป็นหนึ่งในทหารผ่านศึกชาวอเมริกันอย่างน้อย 100 คน ที่ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่เวียดนาม ซึ่งจำนวนไม่น้อยปักหลักอยู่ที่เมืองดานัง นอกจากนี้ยังคาดว่า นับแต่ช่วงทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา มีทหารผ่านศึกหลายพันคนที่กลับไปเยือนสถานที่ที่พวกเขาเคยสู้รบในเวียดนาม และจำนวนมากยังคงสงสัยว่า เหตุใดพวกเขาจึงต้องไปรบที่นั่น ขณะที่อีกหลายพันคนต้องมีอาการผิดปกติจากความเครียดหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ (พีทีเอสดี) เพราะถูกภาพความตายในสงครามเวียดนามตามหลอกหลอน
นอกจากนี้ ทหารผ่านศึกอีกหลายคนที่มีตราบาปติดอยู่ในใจได้หวนกลับไปทำงานการกุศลช่วยเหลือชาวเวียดนามที่ได้รับผลกระทบจากผลพวงของสงครามในครั้งนั้น และหวังจะไถ่โทษกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำไปในอดีต คลาร์ก บอกว่าอยากเห็นเพื่อนทหารผ่านศึกกลับมาเยือนเวียดนามมากกว่านี้ ส่วนตัวเขาจะขอใช้ช่วงบั้นปลายชีวิตในเวียดนาม ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเป็นประเทศที่ผู้คนสกปรกและต้อยต่ำที่สุดในโลก แต่ในวันนี้เขากลับสุขใจเป็นที่สุดที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
แสดงความคิดเห็น