องค์กรด้านสิทธิผู้ลี้ภัยเรียกร้องไทยสอบสวนกรณีวิสามัญฆาตกรรมชาวโรฮิงญา และยุติการกักขังแบบไม่มีกำหนด

เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ เครือข่ายสิทธิผู้ลี้ภัยและคนไร้รัฐ และองค์กรฟอร์ติไฟไรท์ แถลงเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีที่เจ้าหน้าที่ยิงชาวโรฮิงญาเสียชีวิต 1 ราย ขณะติดตามจับกุมตัวชาวโรฮิงญาที่หลบหนีจากห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดพังงา เมื่อกลางดึกวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงเรียกร้องให้ยุติการกักขังผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายที่ถูกกักมาแล้วเกินกว่า 12 เดือน และใช้การควบคุมตัวภายนอกห้องกักภายใต้อำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองแทน

จากเหตุการณ์ ผู้ต้องกักชายชาวโรฮิงญากว่า 20 รายพากันหลบหนีออกจากห้องพักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพังงา กลางดึกวันที่ 23 พ.ค. โดยแยกย้ายกันหลบหนีเข้าไปบริเวณเนินและป่าละเมาะใกล้เคียง บางส่วนขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต 1 ราย ติดตามตัวกลับมาได้ทั้งสิ้น 18 ราย และคาดว่ายังคงหลบหนีอยู่อีก 3 รายนั้น องค์กรด้านประชากรข้ามชาติ เครือข่ายสิทธิผู้ลี้ภัยและคนไร้รัฐ และองค์กรฟอร์ติไฟไรท์ ซึ่งทำงานติดตามการทำงานของรัฐในด้านสิทธิของผู้ลี้ภัยเรียกร้องให้ให้มีการสอบสวนโดยหน่วยงานภายนอกหรือคณะทำงานที่เป็นอิสระจากหน่วยงานที่รับผิดชอบปฏิบัติการดังกล่าว และให้ดำเนินการไต่สวนการเสียชีวิตตามมาตรา 150 ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ทั้ง 3 องค์กรยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวบุคคลที่เข้าเมืองผิดกฎหมายซึ่งถูกกักตัวไว้อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา โดยเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติระบุว่า การกักตัวเพื่อรอการผลักดันกลับที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองเช่นนี้ เป็นการเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดความความพยายามหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุมตัวของผู้ต้องกัก กระทั่งมีการวิสามัญฆาตกรรมต่อบุคคลที่พยายามหลบหนี และเรียกร้องต่อรัฐไทยให้ยุติการกักขังชาวโรฮิงญาจำนวนมากกว่า 400 คนที่ดำเนินการมามากกว่า 12 เดือน และให้ใช้การควบคุมตัวภายนอกห้องกักภายใต้อำนาจตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มาตรา 54 ในการให้ประกันภายใต้เงื่อนไข หรือมาตรา 17 ในการผ่อนผันอยู่ในประเทศ โดยคำนึงถึงการเป็นบุคคลที่แสวงหาที่ลี้ภัย / ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้

คำแถลงขององค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ยังเรียกร้องให้ยุติการกักขังเด็กและเยาวชนที่เดินทางเข้ามาในประเทศพร้อมกับผู้ปกครอง หรือเดินทางเข้ามาคนเดียว และให้ดำเนินการปกป้องและคุ้มครองที่เหมาะสมภายใต้พระราชบัญญัติเด็กแห่งชาติ พ.ศ.2546

บีบีซีไทยพยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีนี้ แต่ได้รับคำตอบสั้นๆ จาก พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมกำลังติดตามผู้ที่หลบหนีอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สะดวกไม่ให้รายละเอียดอื่นๆ

เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ รายงานคำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.ชาตรี เพียรขยาย รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพังงา จ.พังงา ว่า เหตุยิงชาวโรฮิงญาเกิดขึ้นขณะติดตามจับกุมผู้ที่หลบหนี และผู้ตายคือ นายมูฮัมหมัด ฆอนี อายุ 18 ปี ได้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยหลบหนีขึ้นไปบนภูเขาแล้วใช้ก้อนหินขนาดใหญ่ขว้างใส่ และเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตม.ขณะปีนเขา ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ ตม.พังงา จึงได้ชักอาวุธปืนยิงใส่เพื่อเป็นการป้องกันตัว เป็นเหตุให้ นายมูฮัมหมัด ฆอนี เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ตายในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดพังงา กล่าวว่า ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายแล้ว โดยให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ที่ยิงปืนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ส่วนจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่อย่างไรก็ต้องรอการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ภาพประกอบจากคลังภาพ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.