ผู้ว่าแบงก์ชาติยอมรับเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า การลงทุนภาคเอกชนไม่กระเตื้อง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและอยู่ในวงจำกัด ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัว การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวเพราะประชาชนมีหนี้ ส่วนเกษตรกรได้รับผลกระทบซ้ำซ้อน
นายวิรไท ระบุดังกล่าวในระหว่างการปาฐกถาหัวข้อ “แรงท้าทายต่อภาวะเศรษฐกิจไทย” ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) โดยชี้ว่าภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น คือธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ 4G และอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก แต่การบริโภคภาคเอกชนซึ่งเคยเป็นกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยช่วง 5-10 ปีที่แล้ว กลับชะลอตัวลงโดยมีสาเหตุจากหลายปัจจัย รวมทั้งภาวะหนี้สินในครัวเรือน ขณะที่เกษตรกรได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากทั้งปัญหาภัยแล้งและรายได้ที่ลดลงจากการขายผลผลิต
นายวิรไท กล่าวว่าหลายฝ่ายมีความหวังว่าสถานการณ์ภาคการเกษตรจะดีขึ้นในช่วงฤดูฝน ขณะที่ความยืดหยุ่นในการว่าจ้างแรงงานภาคเกษตรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการได้ช่วยให้อัตราการจ้างงานของไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี และไม่มีการปลดคนงานครั้งใหญ่เกิดขึ้น
ผู้ว่าการ ธปท.ยอมรับด้วยว่าการลงทุนในภาคเอกชนยังเป็นเรื่องที่น่า “ปวดหัว” ของรัฐบาล เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัว แต่การอุดหนุนเงินของรัฐบาลต่อผู้มีรายได้น้อยและโครงการลงทุนขนาดเล็กช่วงปีที่ผ่านมา เริ่มส่งผลให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ขณะที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่ในระบบโครงสร้างพื้นฐานจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งหลังของปี 2559
นายวิรไท เห็นว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะหนี้สินในครัวเรือนสูง เนื่องมาจากสังคมไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านการเงิน ขณะที่ความเข้าใจผิดเรื่องหนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ก็เป็นอีกประเด็น โดยคนจำนวนมากเชื่อว่าตัวเลขหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ทั้งที่ตัวเลขหนี้เสียเป็นเพียงดัชนีชี้วัด ไม่ควรถูกนำไปรวมกับการประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจ
นายวิรไทยืนยันว่าแม้ตัวเลขหนี้เสียจะยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.6-2.7% ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า แต่ก็เป็นสิ่งที่ ธปท.คาดการณ์ไว้แล้ว ‪#‎ThailandEconomy‬




แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.