โรงพยาบาลอินเดียทำคนติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มนับพันจากการถ่ายเลือด
อินเดียพบผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์เพิ่มขึ้นกว่าสองพันคนตลอดช่วง 17 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากการเปลี่ยนถ่ายเลือดในโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ
นายเชตัน โคธารี นักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวอินเดีย ซึ่งยื่นเรื่องร้องเรียนให้องค์การควบคุมโรคเอดส์แห่งชาติ (NACO) เปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โดยเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ เปิดเผยข้อมูลกับบีบีซีเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่อย่างน้อย 2,234 คนจากการถ่ายเลือดในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วอินเดีย ขณะที่สถิติผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ทั่วประเทศอินเดียคาดว่ามีมากกว่า 2 ล้านคนในปัจจุบัน
พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากการเปลี่ยนถ่ายเลือดมากที่สุด คือ รัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย พบผู้ติดเชื้อ 361 ราย รองลงมาคือรัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย พบผู้ติดเชื้อ 292 ราย และอันดับสามคือรัฐมหาราษฏระ พบผู้ติดเชื้อ 276 ราย ส่วนที่กรุงนิวเดลีพบผู้ติดเชื้อ 264 ราย
นายโคธารีระบุว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นสถิติอย่างเป็นทางการของรัฐบาลที่รวบรวมโดยองค์กร NACO แต่คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้นถึง 3 เท่า และถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องเปิดเผยอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ กฎหมายอินเดียบังคับให้โรงพยาบาลเป็นผู้ตรวจสอบและคัดกรองผู้บริจาคเลือดว่าจะต้องไม่เป็นผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี, ไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี รวมถึงพาหะของโรคมาเลเรียและโรคติดต่ออื่นๆ แต่ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและคัดกรองแต่ละครั้งคิดเป็นเงิน 1,200 รูปี (ราว 630 บาท) โรงพยาบาลส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องมือตรวจสอบ ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ ส่วนที่นครมุมไบมีโรงพยาบาลเอกชนเพียง 3 แห่งที่มีเครื่องตรวจสอบและคัดกรองเลือด

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.