สำนักงานอัยการสูงสุดไม่ฟ้องสรยุทธ์และพวกในคดีฉ้อโกง แต่ฟ้องข้อหาปลอมแปลงเอกสาร
สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงไม่สั่งฟ้อง นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา และพวกอีก 5 คน ในความผิดฐานฉ้อโกง แต่ฟ้องข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม และร่วมกันทำให้เสียหายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 265, 268, 188,และ 341
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสารได้ทำการสอบสวนและทำสำนวนต่ออัยการเห็นควรสั่งฟ้องบริษัทไร่ส้ม จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส. สุกัญญา แซ่ลิ้ม ผู้ต้องหาที่ 2 น.ส. อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ผู้ต้องหาที่ 4 น.ส. มณฑา ธีระเดช ผู้ต้องหาที่ 5 และนางพิชชาภา เอี่ยมสอาดผู้ต้องหาที่ 6 ในความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม และร่วมกันทำให้เสียหายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ราคาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้าย 138,790,000 บาท
สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงไม่สั่งฟ้อง นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา และพวกอีก 5 คน ในความผิดฐานฉ้อโกง แต่ฟ้องข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม และร่วมกันทำให้เสียหายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 265, 268, 188,และ 341
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลสุทธิสารได้ทำการสอบสวนและทำสำนวนต่ออัยการเห็นควรสั่งฟ้องบริษัทไร่ส้ม จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส. สุกัญญา แซ่ลิ้ม ผู้ต้องหาที่ 2 น.ส. อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ผู้ต้องหาที่ 4 น.ส. มณฑา ธีระเดช ผู้ต้องหาที่ 5 และนางพิชชาภา เอี่ยมสอาดผู้ต้องหาที่ 6 ในความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม และร่วมกันทำให้เสียหายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ราคาทรัพย์ที่ถูกประทุษร้าย 138,790,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการว่าคดีฉ้อโกงเป็นการฟ้องซ้ำ คณะทำงานสำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาแล้ว เห็นควรยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 6 คนในคดีฉ้อโกง เพราะเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวและผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องแล้ว
อย่างไรก็ตามอัยการเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้องเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 4, 5, และ 6 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 188, 264, 265, 268 และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับ 6 มารตรา 4 และพนักงานอัยการของสำนักงานคดีอาญามีความเห็นควรริบใบคิวโฆษณาของกลางและขอรับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอาญา อ. 595-596/2559 และ 8134/2558 ของศาลแขวงพระนครเหนือด้วย
โดยอัยการจะยื่นฟ้องและส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลในวันนี้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะมารายงานตัวต่อศาลประกอบไปด้วย นายสรยุทธ์ ในฐานะตัวแทนบริษัทไร่ส้ม จำกัด จำเลยที่ 1 และในฐานะจำเลยที่ 4 น.ส. มณฑา ธีรเดช จำเลยที่ 5 และนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด จำเลยที่ 6
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
อย่างไรก็ตามอัยการเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้องเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 4, 5, และ 6 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิ์ปลอม ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 188, 264, 265, 268 และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับ 6 มารตรา 4 และพนักงานอัยการของสำนักงานคดีอาญามีความเห็นควรริบใบคิวโฆษณาของกลางและขอรับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอาญา อ. 595-596/2559 และ 8134/2558 ของศาลแขวงพระนครเหนือด้วย
โดยอัยการจะยื่นฟ้องและส่งตัวผู้ต้องหาต่อศาลในวันนี้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะมารายงานตัวต่อศาลประกอบไปด้วย นายสรยุทธ์ ในฐานะตัวแทนบริษัทไร่ส้ม จำกัด จำเลยที่ 1 และในฐานะจำเลยที่ 4 น.ส. มณฑา ธีรเดช จำเลยที่ 5 และนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด จำเลยที่ 6
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
แสดงความคิดเห็น