Submitted on Tue, 2018-11-27 23:29
ชาวไทยในเยอรมันและประเทศข้างเคียงรวมตัวกันชูป้ายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ กลางกรุงเบอร์ลิน เปิดเพลง “ประเทศกูมี” เรียกร้องจัดการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 เรียกร้องปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมดและให้ผู้ลี้ภัยได้กลับสู่มาตุภูมิโดยปราศจากข้อกล่าวหา พร้อมถามสถานทูตเยอรมันยอมให้มาได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเผด็จการ
27 พ.ย.2561 จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 27 – 29 พ.ย.นี้นั้น
ล่าสุดวันนี้ ข่าวสุดออนไลน์ รายงานว่า ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมัน และประเทศข้างเคียง จำนวนหนึ่งราว 20-30 คน ได้มีการนัดรวมตัวกันชูป้ายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ บริเวณประตูบรันเดินบวร์ค กลางกรุงเบอร์ลิน ท่ามกลางอากาศหนาวติดลบ 3 องศา พร้อมเปิดเพลง “ประเทศกูมี” ของศิลปินแร็พ RAP AGAINST DICTATORSHIP (RAD) โดย หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมกล่าวว่า ได้มีการยื่นหนังสือ ทำจดหมายไปถามสถานทูตเยอรมัน ว่ารัฐบาลเยอรมันชวนเขามาเพราะอะไร คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่เมืองไทย เขาคือเผด็จการ ในเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ บอกมากี่ครั้งแล้วว่าจะเลือกตั้ง จนครั้งสุดท้ายก็ยังอาจจะเลื่อน มันไม่ใช่แล้ว คืออยู่มานานพอแล้ว พวกเราเลยออกมากัน มาร้องเรียกประชาธิปไตย เพราะเราต้องการเลือกตั้ง
กลุ่มผู้ประท้วงดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมันทบทวนความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ตลอดจนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการกดดันรัฐบาลไทยให้จัดการเลือกตั้งภายในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งได้แถลงไว้ ข้อเรียกร้องอีกข้อหนึ่งคือให้ปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมดและให้ผู้ลี้ภัยได้กลับสู่มาตุภูมิโดยปราศจากข้อกล่าวหา ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ประท้วงชูป้ายขนาดใหญ่เรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ด้วย
ภาพขณะ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบฯ)
สำหรับการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ครั้งนี้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นับเป็นการเยือนสาธารณรัฐเยอรมนีครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทยและเยอรมนี ภายหลังจากที่สหภาพยุโรปปรับข้อมติต่อไทยและเป็นการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืน ผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศตามนโยบายประเทศไทย 4.0 เนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม 4.0 มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพ SMEs และ Startup ทั้งนี้ การเยือนสาธารณรัฐเยอรมนีของนายกรัฐมนตรียังสะท้อนให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีได้รับความยอมรับ และความเชื่อมั่นทางการเมืองจากประเทศชั้นนำที่มีความสำคัญของโลก หลังจากก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และได้เข้าร่วมการประชุมสำคัญๆ ในเวทีระหว่างประเทศ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือกับนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เพื่อเน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับทวิภาคี โดยมีสาขาเป้าหมาย ได้แก่ 1) อาชีวศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเชิญชวนให้เยอรมนีเป็นหุ้นส่วนกับสถาบันอาชีวศึกษาของไทย เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมแรงงานอาชีพของภูมิภาค 2) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีสีเขียว ไทยประสงค์ให้เยอรมนีถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวให้แก่ไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและกระชับความเป็นหุ้นส่วนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะหารือถึงความร่วมมือในการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในภูมิภาค โดยจะเชิญชวนให้เยอรมนีเป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาของ ACMECS และเชิญชวนให้เยอรมนีมีความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบอาเซียนในฐานะที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562
สำหรับภารกิจที่สำคัญอื่น ๆ ของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ เดินทางไปศึกษาดูงานที่ Fraunhofer IPK เข้าร่วม กิจกรรม Thai-German Business Forum : Asia-Europe Partnership for the Future พบหารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชนเยอรมนี ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับภาคเอกชนเยอรมนีและภาคเอกชนไทย นอกจากนี้ภารกิจสำคัญในการเยือนฯครั้งนี้ คือการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนเยอรมัน พร้อมทั้งเชิญชวนให้มาลงทุนใน EEC ซึ่งมีบริษัทสำคัญของเยอรมนีแสดงความสนใจขอเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือเรื่องการร่วมลงทุนที่ไทยหลายบริษัท ได้แก่ บริษัท เดมเลอร์ AG บริษัท Dräxlmaier บริษัท BMW และสมาคมระบบรางเยอรมนี (Verband Deutsche Bahnindustrie: VDB)
แสดงความคิดเห็น