Atukkit Sawangsukเหลืองแดงร่วมกันได้ไหม มีทั้งได้และไม่ได้ผมเป็นคนหนึ่งที่มักจะประณาม เย้ยหยัน พวกพันธมิตรที่เจ็บปวดจากรัฐประหาร ซึ่งบางคนอาจมองว่า เฮ้ยไม่ยอมให้เขาเปลี่ยนใจหรือไม่ยอมสร้างแนวร่วมเลยหรือ
ขอยกตัวอย่างเป็นกรณี อย่างประสิทธิชัย หนูนวล ผมพอรับได้ แต่อย่างหมอมงคล ผมสมน้ำหน้า เพราะอะไร
คนที่เป็น NGO ในพื้นที่ ที่เขาสู้จริง เผชิญปัญหามาทุกรัฐบาล แต่คิดผิดกระโดดเข้าร่วมม็อบล้มเลือกตั้ง กระทั่งเผชิญรัฐบาลทหารจึงตระหนัก แม้ไม่ถึงกับ "อ้าแขนรับ จูบปาก ให้อภัย" แต่ก็ถือว่า "มีจุดร่วมกันได้" เพราะวันนี้เขาต้องการสิทธิเสรีภาพ ต้องการอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่ว่าเราต้องเห็นด้วยกับการคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่หลักประชาธิปไตย ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ต้องฟังเสียงประชาชน ฉะนั้นยังมี "จุดร่วม" กันในวันหน้า คือไม่ว่ารัฐบาลไหนมา ก็ต้องปกป้องสิทธิเสรีภาพของเขาที่จะคัดค้านแสดงเหตุผล
อย่าลืมว่าอย่าง "ดาวดิน" ก็ต่อต้านเหมืองทองมาตั้งแต่ยุคยิ่งลักษณ์ เพียงแต่ดาวดินตระหนักแต่แรก ไม่ร่วมม็อบ กปปส.
แต่กรณีของ NGO ภาพสวย หากินกับกระแสคนชั้นกลาง แบบรัฐบาลทหารจะละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างไรก็ไม่สน อย่าสร้างเขื่อนแม่วงก์ก็แล้วกัน อันนั้นไม่มีจุดร่วมนะครับ
กรณีของหมอมงคล ก๊วนหมอประเวศ ต่างตรงไหน ตรงที่พวกนี้ไม่ได้ตระหนักเรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชน เป้าหมายของพวกเขาคือต่อรองเข้าไปมีอำนาจร่วมกับรัฐประหาร (โดยหวังว่าจะได้ทำ "อะไรดีๆ") เหมือนปี 49 ที่หมอมงคลเป็น รมต. ซึ่งพอโวยวายเรื่อง สสส.โดนทุบ แล้วต่อรองได้ก็เงียบ หมอพลเดชโผล่หน้าไปเปิดบริษัทประชารัฐ (นี่ไม่ได้เหมาก๊วนหมอประเวศหมดนะ เพราะหมอพลเดชนี่ถือว่า ......สุดๆ แล้วในก๊วนนี้ คนอื่นๆ อาจไม่เอาด้วยก็ได้แต่ต้องแสดงตัวออกมา)
คือในกลุ่มพันธมิตร กปปส. เราต้องแยกว่ามีหลายส่วนด้วยกัน
พวกแรก คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี พวกนี้อย่าไปหวัง ไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพอะไรทั้งสิ้น มีความสุข เห็นพวก NGO เสื้อเหลืองถูกทุบยังสะใจเลย เห็นพรรคแมลงสาบไม่รับคำถามพ่วง ไม่เห็นด้วยร่าง รธน.ยังรุมด่า
พวกที่สอง ขุนนาง NGO แกนนำ พธม. สื่อ นักวิชาการ นักชี้นำสังคม พวกนี้จะโวยบางเรื่อง ที่จริงก็เห็นปัญหาอยู่ แต่ไม่เห็นความสำคัญของเสรีภาพประชาธิปไตย ใจนึงก็ไม่เอารัฐประหาร แต่ก็เกลียดกลัวนักการเมือง อยากหมุนโลกกลับไปสู่ยุคสองนครา ที่ตัวเองมีอำนาจชี้นำสังคม แต่ตอนนี้สูญเสียหมด คนข้างหนึ่งรักลุงตู่ คนข้างหนึ่งเลือกพรรคการเมือง สถานะ หน้าตา ศักดิ์ศรี ก็ค้ำคอ มาถึงขนาดนี้จะแพ้ได้ไง ต้องดันทุรังไป ฉะนั้นเดี๋ยวๆ ก็วิพากษ์ เดี๋ยวๆ ก็ต่อรอง กั๊กๆ ออกมาบางประเด็นเพื่อรักษาฟอร์ม
พวกนี้วางตัวลำบากขึ้นทุกวัน อย่างยะใส โพสต์เลี้ยงแม่ยกไปเรื่อย จะไม่วิจารณ์ คสช.ก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าขวาง และต้องด่าทักษิณด่าพลังประชาธิปไตยไปพร้อมกัน
พวกที่สามคือ NGO หรือนักเคลื่อนไหวนักสิทธิที่อยู่กับพื้นที่อยู่กับปัญหาจริงอยู่กับประชาชนจริง ส่วนหนึ่งผละจาก พธม.ตั้งแต่ 51-53 ส่วนหนึ่งไม่ร่วม กปปส. ส่วนหนึ่งเข้าร่วม แต่วันนี้กระอัก แน่ละครับว่าไม่ใช่จูบปากอ้าแขนรับเสียหมด แต่ทิศทางข้างหน้าร่วมกันได้ ขอเพียงซาบซึ้งแสบถึงใจเสียทีว่า ประชาธิปไตย(ไม่ใช่แค่เลือกตั้ง) คือหลักประกันการต่อสู้เรียกร้องเสรีภาพและความเป็นธรรม