การปิดกั้นการเข้าถึงแหล่งทุนวิ จัยของอาจารย์และนักวิจัยมหาวิ ทยาลัย
Posted: 26 Dec 2016 07:41 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
นักวิชาการส่งสารถึงสำนั
0000
จดหมายเปิดผนึกถึง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
เรื่อง
การปิดกั้นการเข้าถึงแหล่งทุนวิ จัยของอาจารย์และนักวิจัยมหาวิ ทยาลัย
เรียน ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
ด้วยสำนักงานกองทุนสนับสนุ นการวิจัย (สกว.) ได้รับการจัดตั้งผ่านพระราชบั ญญัติสำนักงานกองทุนสนับสนุ นการวิจัย พ.ศ.2535 ที่มีจุดมุ่งหมายหนึ่งในการส่ งเสริมการวิจัยประสานงานและสนั บสนุนการวิจัย เผยแพร่ผลงานวิจัย และนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ตลอดจนประเมินผลของการดำเนิ นการดังกล่าว
ผู้เขียนมีความเห็นว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายทุนวิจัยเชิ งวิชาการของ สกว.[1] คือ "เน้นการสร้างนักวิจัยที่มี ความสามารถสูงให้สร้างปั ญญาและผลิตผลงานที่มีคุณภาพสูง รับผิดชอบโดยฝ่ายวิชาการ มีเป้าหมายในการสร้างนักวิจั ยอาชีพที่มีความสามารถสูงให้สร้ างปัญญาและผลิตผลงานที่ตีพิมพ์ ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ และสร้างความเข้มแข็งของชุมชนวิ จัย" ซึ่งแน่นอนว่า ในมหาวิทยาลัยปัจจุบัน คณาจารย์และนักวิจัยมีทั้งที่ จบการศึกษาในระดับปริ ญญาโทและปริญญาเอก รวมทั้งอาจารย์อาวุโสซึ่งมี ประสบการณ์วิจัยมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจารย์ที่เพิ่งจบการศึกษา โดยเฉพาะในระดับปริญญาโท (และปริญญาเอก) ส่วนมากยังไม่มีผลงานทางวิ ชาการและประสบการณ์การทำงานวิจั ยอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกั บอาจารย์อาวุโส การสนับสนุนให้อาจารย์ทำวิจั ยอย่างต่อเนื่องโดยมีแหล่งทุนที่ หลากหลายจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ งในการยกระดับอุดมศึกษาไทยให้ เข้าใกล้มาตรฐานในระดับนานาชาติ มากขึ้น
หากพิจารณารูปแบบการให้ทุนของ สกว. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สนับสนุ นการทำวิจัยที่สำคัญที่สุ ดของประเทศแล้ว การให้ทุนของ สกว. แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ทุนวิจัยพื้นฐานจากความคิดริเริ่ มของนักวิจัยและชุดโครงการวิจั ยพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Basic Research) ในที่นี้จะให้ความสำคัญกับทุนวิ จัยพื้นฐานเป็นหลัก และทุนวิจัยพื้นฐานแบ่งเป็น 7 ประเภทย่อย นั่นคือ ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส สกว.), ทุนศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น, ทุนวิจัยองค์ความรู้ใหม่ที่เป็ นพื้นฐานต่อการพัฒนา (วุฒิเมธีวิจัย สกว.), ทุนพัฒนานักวิจัย (เมธีวิจัย สกว.), ทุนเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิ จัยของอาจารย์รุ่นกลางในสถาบั นอุดมศึกษา (สกว. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึ กษา), ทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจั ยของอาจารย์รุ่นใหม่ (สกว. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุ ดมศึกษา) และทุนส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่
ทุนวิจัยพื้นฐานแบ่งเป็น 7 ประเภทย่อย นั่นคือ ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย (เมธีวิจัยอาวุโส สกว.), ทุนศาสตราจารย์วิจัยดีเด่น, ทุนวิจัยองค์ความรู้ใหม่ที่เป็ นพื้นฐานต่อการพัฒนา (วุฒิเมธีวิจัย สกว.), ทุนพัฒนานักวิจัย (เมธีวิจัย สกว.), ทุนเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิ จัยของอาจารย์รุ่นกลางในสถาบั นอุดมศึกษา (สกว. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึ กษา), ทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจั ยของอาจารย์รุ่นใหม่ (สกว. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุ ดมศึกษา) และทุนส่งเสริมนักวิจัยรุ่นใหม่
จาก 7 ประเภท จะเห็นได้ว่า 5 ประเภทแรกเป็นทุนที่ให้ความสำคั ญกับนักวิจัยและอาจารย์ระดั บอาวุโสที่ต้องมีประสบการณ์ทั้ งสิ้น ขณะที่ทุนวิจัยสำหรับนักวิจัยรุ่ นใหม่ 2 ทุนหลังนั้น ก็พบว่า การประกาศให้ทุนได้กีดกั นอาจารย์และนักวิจัยจำนวนมากด้ วยวุฒิการศึกษานั่นคือ ทุนดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ เฉพาะอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีคุ ณวุฒิระดับปริญญาเอก หรือเทียบเท่าเท่านั้น
ในปัจจุบันอาจารย์มหาวิทยาลั ยจำนวนมากที่มีประสบการณ์งานเขี ยนทางวิชาการ การทำวิจัยต่างๆ แม้จะไม่ได้จบระดับปริญญาเอก โดยเฉพาะในสายสังคมศาสตร์และมนุ ษยศาสตร์เป็นกลุ่มคนที่มี ผลงานทางวิชาการอย่างต่อเนื่ องในหลากหลายรูปแบบ แต่ด้วยเกณฑ์ดังกล่าวทำให้ อาจารย์และนักวิจัยจำนวนมากไม่ สามารถขอทุนได้ตามเงื่อนไขดั งกล่าว แต่ต้องพึ่งพิงการรับทุนวิจั ยในฐานะเป็นทีมวิจัยร่วมกั บอาจารย์ระดับอาวุโส แน่นอนว่า ปฏิเสธมิได้ว่าด้านหนึ่งแล้ วในเบื้องต้นมันได้ช่วยเอื้อให้ เกิดการพัฒนาศักยภาพนักวิจั ยเหล่านั้นภายใต้คำแนะนำของนั กวิจัยผู้มีประสบการณ์ แต่ขณะเดียวกัน มันกลับทำให้นักวิจัยเหล่านั้ นขาดอิสระ และจำต้องพึ่งพิงไปจนกว่าจะมีคุ ณวุฒิระดับปริญญาเอก วิธีการเช่นนี้ยังอาจนำไปสู่ปั ญหาที่นักวิจัยรุ่นใหม่จำกัดตั วอยู่ในวงแคบๆ เฉพาะที่ใกล้ชิดหรือสัมพันธ์กั บนักวิจัยอาวุโสที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังขัดกับเป้าหมายของการส่งเสริ มการทำวิจัยของประเทศ และของมหาวิทยาลัยที่ต้องการสนั บสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์ และนักวิจัยสามารถเข้าถึงแหล่ งทุนในการทำวิจัยได้อย่ างเสมอภาค ผลก็คือ การทำงานภายใต้สภาวะอันจำกัดเช่ นนี้ไม่สามารถช่วยให้สั งคมไทยไปสู่ข้อเสนอที่ หลากหลายและสามารถนำไปแก้ไขวิ กฤตของสังคมที่กำลังเผชิญอยู่ ได้
การตัดสินพิจารณาทุน จึงไม่ควรตั ดโอกาสการนำเสนอโครงร่างงานวิจั ย (proposal) ด้วยการคัดเลือกเฉพาะผู้จบปริ ญญาเอกเท่านั้น มิพักจะกล่าวว่าทุนดังกล่าวติ ดป้ายว่าเป็น ทุนพัฒนาศักยภาพนักวิจั ยและอาจารย์รุ่นใหม่ โปรดอย่าลืมว่า อาจารย์และนักวิจัยระดับมหาวิ ทยาลัยทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ นั้น จำนวนมากยังไม่มีคุณวุฒิในระดั บปริญญาเอก เช่น ม.เชียงใหม่ ร้อยละ 25.96[2], ม.ธรรมศาสตร์ ร้อยละ 35.81[3], ม.เกษตรศาสตร์ ร้อยละ 38.21[4], ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ร้อยละ 69.32[5], ม.ราชภัฏนครราชสีมา ร้อยละ 69.79[6] ฯลฯ ดังนั้นเกณฑ์เช่นนี้ยิ่งถ่ างโอกาสการเข้าถึงทุนให้กับผู้ มีศักยภาพแต่ไร้คุณวุฒิ ทั้งที่งานวิจัยที่ได้รับการคั ดเลือกควรถูกตัดสินผ่านประเด็ นคำถามวิจัย กรอบการวิจัย และสมมติฐานงานวิจัยที่มีคุ ณภาพและความเป็นไปได้ อันจะนำไปสู่ผลงานที่หลากหลาย การขยายโอกาสเช่นนี้น่าจะเป็นคุ ณให้กับวงการวิจัยในระดั บประเทศมากกว่า และการได้รับทุนวิจัยยังเป็ นการพัฒนาศักยภาพให้พวกเขาอยู่ ในเส้นทางพัฒนาตนไปสู่การศึ กษาระดับปริญญาเอกที่ผู้ให้ทุ นปรารถนาในทางอ้อมอีกด้วย
ผู้เขียนมีข้อเสนอต่อวงการวิ ชาการไทยโดยรวมและต่อหน่วยงานที่ สนับสนุนทุนวิจัยต่างๆ โดยเฉพาะ สกว. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีศั กยภาพและมีหน้าที่โดยตรงในการพั ฒนางานวิจัยของประเทศ คือ สกว. น่าจะมีการปรับเกณฑ์ทุนวิจัยเพื่ อพัฒนาศักยภาพอาจารย์และนักวิจั ยรุ่นใหม่ให้รองรับผู้มีวุฒิ การศึกษาต่ำกว่าปริญญาเอก หรือจะเลือกให้คงกรอบการพิ จารณาดังกล่าวไว้ให้กับอาจารย์ ผู้มีวุฒิปริญญาเอกเช่นเดิม แต่ไปเพิ่มทุนเพื่อให้ โอกาสอาจารย์และนักวิจัยที่มีวุ ฒิการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่าปริ ญญาเอกได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุ นนี้เช่นกัน นี่อาจจะเป็นทางออกหนึ่งที่ไม่ ทำให้ทุนวิจัยถูกผูกขาดอยู่ ในกลุ่มนักวิจัยอาวุโส และนักวิจัยที่จบในระดับปริ ญญาเอกเพียงเท่านั้น
จึงเรียนมาเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ ยนแปลง
ด้วยความนับถือ
เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
อาจารย์ประจำภาควิชามานุษยวิ ทยาและสังคมวิทยา
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
อาจารย์ประจำสาขาวิชาสังคมศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
26 ธันวาคม 2559
เชิงอรรถ
[1] สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจั ย. เข้าถึงจาก. "ทุนวิจัยเชิงวิชาการ". http://www.trf.or.th/index. php?option=com_content&view= article&id=15&Itemid=139 เข้าถึงเมื่อ 22 ธันวาคม 2559
[2] คำนวณจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. "บุคลากร". เข้าถึงจาก http://www.cmu.ac.th/ servicesinfo.php?mainmenu=21 (10 มิถุนายน 2559) เข้าถึงเมื่อ 23 ธันวาคม 2559
[3] มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. "ข้อมูลและสถิติ". เข้าถึงจาก https://www.tu.ac.th/index. php/th/326-th-th/teach/survey/ 219-data#อาจารย์และบุคลากร เข้าถึงเมื่อ 23 ธันวาคม 2559
[4] คำนวณจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. "ตารางที่ 2 รายงานจำนวนบุคลากรสายวิ ชาการของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2558 จำแนกตามตำแหน่งทางวิ ชาการและระดับการศึกษา". เข้าถึงจาก http://www.person.ku.ac.th/ new_personweb/stat/2558/UOC_ STAFF_2_2558.PDF (23 กุมภาพันธ์ 2559) เข้าถึงเมื่อ 23 ธันวาคม 2559
[5] คำนวณจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. "สรุปข้อมูลบุคลากร (สายวิชาการ) มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่". เข้าถึงจาก http://www.dhrm.cmru.ac.th/ web58/datas/file/tabenprawat/ 1480667341.pdf (พฤศจิกายน 2559) เข้าถึงเมื่อ 23 ธันวาคม 2559
[6] คำนวณจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. "รายงานจำนวนอาจารย์ จำแนกตามตำแหน่งทางวิ ชาการและระดับการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559". เข้าถึงจาก http://www.old.nrru.ac.th/ UserFiles2011/File/report/2- 2559.pdf (2559) เข้าถึงเมื่อ 23 ธันวาคม 2559
แสดงความคิดเห็น