Atukkit Sawangsuk

ใช่ครับ ประชาธิปไตยแพ้ แต่อะไรที่แพ้ไปด้วย ความมีหลัก มีตรรกะเหตุผล และแม้แต่ศีลธรรมจรรยาของสังคม ก็ถูกกลืนกินไปด้วย

เอาง่ายๆ นะ เมริงเป็นสังคมกลืนน้ำลาย เคยเรียกร้องนายกฯ เลือกตั้ง กลับมายินดีนายกฯ คนนอก 250 ส.ว.ลากตั้ง เป็นสังคมประโยชน์นิยม แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบเอาตัวรอด ไม่เอาคุณค่าอะไรซักอย่าง มีแต่ความดีฉาบฉวย

แม้แต่ที่บอกว่ามีศีลธรรมจรรยา คนที่ยินดี หรือคนที่ทำเมินเฉย กับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ความอยุติธรรม จะสร้างศีลธรรมในสังคมอย่างไร นอกจากรู้กันว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ความจริงคือทุกคนก็ยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง แต่เอาการทำบุญหรือการบริจาคมาปลอบใจ

รัฐประหาร 49 พัฒนามาเป็นรัฐประหาร 57 เป็นรัฐประหารที่รู้จักสร้างระบบลวงตา ยึดอำนาจแล้วบอกว่าประชาธิปไตย 99.99% ออกประกาศคำสั่งเป็นกฎหมายแล้วบอกให้ประชาชนเคารพกฎหมาย ไม่ได้จับคนไปฆ่าหรือไปขัง ถีบลงเขาเผาลงถังแดง แต่ส่งฟ้องศาล ติดคุกไม่ได้ประกัน มันแย่กว่าสฤษดิ์ด้วยซ้ำตรงที่ทำลายระบบกฎหมาย สร้างภาพลวงตา เสมือนประชาธิปไตย มี รธน.แต่มี ม.44 เดี๋ยวจะมีเลือกตั้ง แต่เลือกตั้งไม่มีความหมาย สังคมไทยน่ะมันมือถือสากปากถือศีลอยู่แล้วแต่ยิ่งกลายเป็นระบบตอแหล

มันตลกอ่ะครับ เวลาเราเห็นรัฐบาลที่ปิดกั้นเสรีภาพทางการเมือง ละเมิดสิทธิคนเห็นต่าง ออกมติ ครม.ช่วยคนไร้สัญชาติ หรือออกกฎหมายต่อต้านการซ้อมทรมาน กะตือรือล้นเรืองคุณภาพชีวิต คุณภาพสังคม นี่เรายังส่งคนไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ UNHCR เรื่องความรุนแรง LGBT มันไม่มีประเทศไหนตอแหลเท่านี้อีกแล้ว มันน่าขำและน่าสงสัยว่าระบอบตอแหลนี่มันจะเป็นอย่างไรต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.