พ่อไผ่ ดาวดิน-ทนายโวยศาลขอนแก่น สั่งฝากขังผัด 3 มิชอบด้วยกฎหมาย เล็งร้องคณะกรรมการตุลาการ

Posted: 28 Dec 2016 06:43 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ทนายร้องเพิกถอนกระบวนการพิจารณาคำร้องฝากขัง ไผ่ จตุภัทร์ เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เหตุจากศาลไม่ได้อ่านคำร้องให้ผู้ต้องขังฟังและผู้ต้องขังไม่ได้ลงรายมือชื่อในเอกสาร แต่ศาลกลับระบุว่าผู้ต้องขังไม่ค้านการฝากขัง บิดาเตรียมร้องคณะกรรมการตุลาการชี้เป็นปัญหาที่มีผลต่อสาธารณะ


28 ธ.ค.2559 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น นายอธิพงษ์ ภูผิว ทนายความของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ผู้ต้องหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ ความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีการแชร์รายงานจากเพจบีบีซีไทย พร้อมกับนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา บิดาและมารดาของไผ่ได้เดินทางมายื่นคำร้อง คำแถลง คำขอเพื่อขอเพิกถอนกระบวนการพิจารณาคำร้องขอฝากขังที่ผิดระเบียบและขอให้ศาลเบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถาม

ก่อนหน้านี้ทีมทนายความและครอบครัวเตรียมยื่นขอประกันตัวอีกครั้งแต่ยังไม่แน่ใจในกระบวนการ จึงมีการดำเนินการยื่นคำร้องดังกล่าวเพื่อคัดค้านการดำเนินการของศาลจังหวัดขอนแก่น

เวลา 18.00 น. อธิพงษ์ ภูผิว ทนายความแถลงว่า จากเดิมครอบครัวและทีมทนายความได้เตรียมการที่จะยื่นคัดค้านการฝากขัง ขอประกันตัวและยื่นฎีกาคำสั่งถอนประกันตัวผู้ต้องหาที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ตนจึงได้มาตรวจสอบเอกสารคำสั่งศาล แต่กลับพบว่าได้มีการสั่งคุมขังผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือการให้ฝากขังเป็นผัดที่ 3 อีก 12 วันเป็นที่เรียบร้อย โดยในเอกสารระบุว่าผู้ต้องหาไม่ค้านการฝากขัง คำร้องฝากขังดังกล่าวลงชื่อเจ้าพนักงานสอบสวนได้ยื่นต่อศาลในวันที่ 26 ธ.ค. 2559 และศาลมีคำสั่งให้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค.บิดาของไผ่ได้เดินทางเข้าเยี่ยมบุตรชายที่เรือนจำและสอบถามเรื่องดังกล่าวกับบุตรชาย ไผ่ยืนยันกับบิดาว่า ในวันที่ 27 ธ.ค.เป็นการอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามศาลชั้นต้นให้ฝากขังผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยศาลไม่ได้อ่านคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังตนในผัดที่ 3 รวมทั้งไม่ได้สอบถามว่ามีความต้องการจะค้านการฝากขังด้วยหรือไม่ และขอยืนยันว่าตนไม่ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารคำสั่งศาลที่ให้ฝากขังผัด 3


ทนายกล่าวต่อว่า หลังจากปรึกษากันภายในทีมทนายความและครอบครัว เวลาประมาณ 15.30 น.ตนจึงยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว เนื่องจากศาลไม่ได้มีการอ่านคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผัดที่ 3 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบถึงการฝากขัง ผู้ต้องขังไม่ได้ลงรายมือชื่อรับทราบและไม่ได้ใช้สิทธิในการคัดค้านการฝากขัง ตามที่ระบุอยู่ในเอกสารคำสั่งอนุญาตในเอกสารคำร้องขอฝากขังแต่อย่างใด

ต่อมาเวลาประมาณ 17.40 น. ศาลได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารกระบวนพิจารณาคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ผิดระเบียบมาให้ทนายความได้อ่านโดยในเอกสารได้ระบุว่า
"พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 3 ของพนักงานสอบสวน เป็นการยื่นคำร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นการยื่นคำร้องขอฝากขังที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพียงแต่ศาลไม่ได้สอบถามผู้ต้องหาเสียก่อนว่าจะคัดค้านคำร้องฝากขังนั้นหรือไม่เท่านั้น หาทำให้การสั่งอนุญาตให้ฝากขังดังกล่าวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดกฎหมายไม่ ให้ยกคำร้อง ดังนั้น จึงให้เบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถามในลักษณะการประชุมผ่านจอภาพในวันนี้ เวลา 16.30 น."

จากนั้นจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทนายความอ่านและคัดลอกรายงานกระบวนพิจารณาคำร้องขอฝากขังผัดที่ 3 ลงวันที่ 28 ธ.ค. 2559 เวลา 16.30 น. ในเอกสารดังกล่าวระบุว่า ได้เบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถามด้วยระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และผู้ต้องหาได้แถลงคัดค้านการขอฝากขัง โดยศาลได้พิจารณามีคำสั่งให้คุมขังผู้ต้องหาตามคำร้องของพนักงานสอบสวนต่อไป
ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดีนี้เวลา 16.30 น. เบิกตัวผู้ต้องหามาสอบถามในลักษณะการประชุมทางจอภาพ โดยมีผู้ต้องหาและนายธนกฤต สีลาดหา สักขีพยานอยู่พร้อมกันตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอหมายขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน ลงวันที่ 26 ธ.ค.59 สำเนาให้ผู้ต้องหารับไปแล้ว
สอบผู้ต้องหาแถลงคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีอำนาจขอฝากขังระหว่างสอบสวน เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องคุมขังผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน เพราะพยานบุคคลที่ผู้ร้องอ้างว่าต้องสอบเพิ่มเติมนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา และที่ผู้ร้องอ้างว่าต้องรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรนั้น ผู้ร้องสามารถตรวจสอบได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องคุมขังผู้ต้องหาไว้ ประกอบกับผู้ต้องหาต้องการที่จะไปสอบวิชาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในวันที่ 17 และ 18 มกราคม 2559 ผู้ต้องหาต้องการออกไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบวิชาดังกล่าว ขอให้ศาลยกคำร้องขอฝากขังของผู้ร้อง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำคัดค้านของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น เมื่อผู้ร้องมีเหตุจำเป็นที่ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงและมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่มีการแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีจึงมีเหตุจำเป็นที่จะควบคุมผู้ต้องหาต่อไป ในชั้นนี้จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.59 - 8 ม.ค.60

ทนายความจำเลยให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการพิจารณาลับหลังจำเลย ลับหลังผู้ต้องหา ผิด ป.วิอาญาชัดเจน ทางทีมทนายประชุมกันแล้วว่ารับไม่ได้กับกระบวนการนี้ จึงได้ทำเรื่องขอให้เพิกถอนกระบวนการฯ เพื่อให้มาไต่สวนในห้องพิจารณาที่มีสักขีพยาน แต่ท่านกลับคอนเฟอเรนซ์ไปที่เรือนจำที่มีเพียงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ลงชื่อเป็นสักขีพยาน"

พ่อของจตุภัทร์กล่าวว่า ผมเป็นคนถามกับไผ่เองเขาบอกว่าในวันนั้นเป็นการอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีการอ่านเรื่องการฝากขัง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไผ่ไม่ค้านการฝากขัง ศาลไม่ได้กระทำการตามกฎหมายที่จะต้องอ่านให้เขาและถามว่าเขาจะค้านไหม แต่นี่ไม่ใช่ แล้วข้อเท็จจริงมันไม่ใช่่ แล้วคราวนี้กระบวนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบศาลรู้แล้วแทนที่จะรีบจัดการแก้ไขให้ถูกระเบียบ ไม่ใช่การย้อนกลับไปคอนเฟอเรนซ์ให้ไผ่แถลงโดยที่ทนายความก็ไม่ได้รับรู้กระบวนการนั้นๆ ด้วย กลายเป็นการย้อนกระบวนการไปทำให้มันชอบ แต่อย่างไรมันก็ไม่ชอบแล้ว

บิดาของไผ่ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้พิพากษาที่ดำเนินการตามคำร้องขอเพิกถอนกระบวนการในวันนี้ก็ไม่ใช่ผู้พิพากษาที่เป็นเวรในวันนี้ แต่เป็นผู้พิพากษาคนเดิม (ที่เป็นคนลงรายมือชื่อในเอกสารคำร้องว่าจตุภัทร์ไม่ได้คัดค้านการขอฝากขัง) ดำเนินการต่อให้กระบวนการดูเหมือนชอบ

"เราต้องการกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้" วิบูลย์ บิดาของไผ่กล่าว

"ผมไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในเรือนจำจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เราอ้างกันว่าการเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คิดว่านักวิชาการนักกฎหมายจะต้องมาทบทวนและหาทางอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะว่ามันไม่เป็นผลดีกับสังคม ถ้าสถานการณ์นี้ไม่ได้คลี่คลายด้วยดี อาจมีความจำเป็นต้องร้องเรียนต่อคณะกรรมการตุลาการ ผมไม่ได้ต้องการเอาชนะแต่คุณต้องตอบสังคมให้ได้ พยานหลักฐานก็มี ดังนั้นถ้าเราปล่อยเอาไว้ มันก็อาจเกิดขึ้นได้กับประชาชนคนไหน แล้วชาวบ้านเองก็ไม่ได้รู้สิทธิอันนั้นเลย อาจมีการบีบบังคับว่าไม่ต้องค้านนะ ลองคิดลึกๆ ว่านี่ขนาดลูกเรา เขาเป็นนักกฎหมายและคดีของเขาก็มีคนมองอยู่ เขายังทำอย่างนี้ได้" วิบูลย์กล่าว

วิบูลย์กล่าวสรุปว่า นอกจากจะมีการเตรียมการที่จะร้องต่อคณะกรรมการตุลาการเรื่องกระบวนพิจารณาอันมิชอบด้วยกฎหมายแล้ว ทางครอบครัวก็จะร้องขอให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว(ประกันตัว) ฎีกาคำสั่งถอนประกันตัวผู้ต้องหาและอุทธรณ์คำสั่งคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนการอันไม่ชอบกรณีการฝากขังคดีของ ไผ่ จตุภัทร์ ในวันรุ่งขึ้น (29 ธันวาคม 2559)

ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตว่า ตามมาตรา 87 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาอาญากำหนดให้ศาลพิจารณาฝากขังทุก 12 วันเพื่อให้ศาลได้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเพื่อไม่ให้ควบคุมบุคคลไว้เกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดี และเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกควบคุมตัวคัดค้านเหตุของพนักงานสอบสวนได้ การดำเนินกระบวนการฝากขังโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาคัดค้านจึงเป็นกระบวนการที่มิชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีการสอบถามผู้ต้องหาแต่คำสั่งอนุญาตคำร้องฝากขังลงวันที่ 27 ธ.ค.59 กลับระบุว่ามีการสอบถามผู้ต้องหาแล้วและผู้ต้องหาไม่คัดค้าน คำสั่งอนุญาตดังกล่าวจึงพิจารณาบนฐานข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงและก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ต้องหา แม้จะมีการไต่สวนเพื่อสอบถามผู้ต้องหาอีกครั้งในวันที่ 28 ธ.ค.59 ก็ไม่ทำให้สิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วชอบกฎหมายขึ้นมาในภายหลังได้

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.