FILE - President Barack Obama talks about hacking during the U.S. presidential election as he holds his final news conference of the year at the White House in Washington, Dec. 16, 2016.
ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ประกาศใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียในวันนี้ สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาว่า แฮกเกอร์รัสเซียแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบาม่า กล่าวในวันนี้ว่า “การใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซียเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นการตอบสนองที่เหมาะสมต่อการที่รัสเซียคุกคามผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศ”
รัฐบาลประธานาธิบดีโอบาม่าต้องการให้มาตรการลงโทษชุดใหม่นี้ มีผลบังคับใช้ก่อนที่ประธานาธิบดีโอบาม่าจะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
มาตรการลงโทษดังกล่าว รวมถึงคำสั่งประธานาธิบดีที่ให้เจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองของรัสเซีย 35 คน เดินทางออกจากสหรัฐฯ ภายใน 72 ชม. และยังกำหนดบทลงโทษต่อสำนักงานด้านข่าวกรองชั้นนำอีก 2 แห่งของรัสเซีย
ทางกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกมาประณามมาตรการลงโทษชุดใหม่ของสหรัฐฯ โดยมีแถลงการณ์ว่า “รัสเซียเหนื่อยหน่ายต่อคำหลอกลวงเกี่ยวกับแฮกเกอร์รัสเซีย ที่ออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ”
และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรว่า ยังระบุด้วยว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มการกล่าวหารัสเซียในเรื่องนี้ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน เพื่อสร้างคะแนนเสียงให้กับตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็มิได้ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ มาถึงขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังแก้ต่างให้กับความล้มเหลวของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย”
ขณะเดียวกัน นายฌอน สเปนเซอร์ โฆษกประจำตัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขอให้มีการแสดงหลักฐานว่าแฮกเกอร์รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริง
นายสเปนเซอร์กล่าวว่า “น่าเสียดายพรรคเดโมแครตและฝ่ายเสรีนิยมยังคงพยายามบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและความถูกต้องในชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และหากรัฐบาลมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ามีการแทรกแซงการเลือกตั้งจริง ก็ต้องนำออกมาแสดงทันที”
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หากมาตรการลงโทษต่อรัสเซียชุดใหม่มีผลบังคับใช้ภายใต้รัฐบาลโอบาม่า รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดต่อไปของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงใช้มาตรการเดียวกันนี้หรือไม่
ก่อนหน้านี้ วุฒิสมาชิก ลินซี่ย์ แกรมม์ จากพรรครีพับลิกัน ยืนยันว่ารัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริง และว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ ชุดใหม่จะนำเรื่องรี้ขึ้นพิจารณาอีกครั้ง และเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาอเมริกันจะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลงโทษอย่างหนักรัสเซีย โดยเฉพาะการใช้มาตรการลงโทษที่ตัวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยตรง
วุฒิสมาชิก ลินซี่ย์ แกรมม์ ยังกล่าวด้วยว่า “รัสเซียควรต้องรู้ว่าความอดทนของสหรัฐฯ ได้หมดลงแล้ว”
pictures of US president-elect Donald Trump and Russian President Vladimir Putin in Danilovgrad,
เมื่อวานนี้ หนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานว่า ทำเนียบขาวได้หารือกันเกี่ยวกับการใช้คำสั่งประธานาธิบดีที่ลงนามโดยประธานาธิบดีโอบาม่าเมื่อปีที่แล้ว ในการลงโทษรัสเซีย
คำสั่งดังกล่าวอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อแฮกเกอร์ที่อยู่ในต่างประเทศที่ซึ่งกฎหมายของสหรัฐฯ ไม่สามารถเอื้อมไปถึง ซึ่งเป็นผู้คุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ โครงสร้างสาธาณูปโภค หรือเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวม
โดยมาตรการลงโทษนั้นรวมถึงการอายัดทรัพย์สินที่บุคคลหรือองค์กรนั้นๆ มีอยู่ธนาคารหรือสถาบันการเงินของสหรัฐฯ รวมทั้งการสั่งห้ามคนอเมริกันทุกคนทำธุรกรรมกับบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ ด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังสั่งห้ามออกวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ให้กับบุคคลหรือองค์กรที่ถูกใช้มาตรการลงโทษนั้นด้วย
(ผู้สื่อข่าว Smita Nordwell รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)
source : - http://www.voathai.com/a/us-russia-sanction/3656172.html?ltflags=mailer

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.