อัปยศ
ผมเพิ่งทราบว่าก่อนที่ผมจะไปมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน บก. ปอท. เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา เราสามคนประกอบด้วย ผม คุณพิชัย นริพทะพันธ์ และคุณประวิตร โรจนพฤกษ์ ได้ถูก พงส. ไปยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับ แต่ศาลอาญายกคำร้อง

รัฐธรรมนูญสันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ กฎหมายจึงออกมาเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพดังกล่าว เช่น การจับกุมจะต้องมีเหตุตามกฎหมาย การควบคุมตัวจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น หรือหากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีเจตนาหลบหนีก็ไม่เหตุจะต้องไปควบคุมตัว ดังนั้น การที่พวกเราซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะถูกกล่าวหา สิ่งที่ตำรวจควรทำคือเชิญเราไปพบหรือออกหมายเรียกตามขั้นตอน เพราะทุกคนมีหน้าที่การงาน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ความผิดที่ถูกกล่าวหาคือการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปขอให้ศาลออกหมายจับทันที

แม้ศาลจะปฏิเสธการออกหมายจับและผมได้มอบตัวสู้คดีไปแล้วก็ตาม แต่ความพยายามที่จะให้ศาลควบคุมตัวผมยังคงมีต่อไป ผมเชื่อว่าครั้งนี้ตำรวจน่าจะหาคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษผมเป็นคดีใหม่หรืออาจจะแจ้งข้อหาผมเพิ่มในคดีเก่าที่มีอยู่แล้ว จากนั้นจะนำตัวผมไปฝากขังที่ศาลและจะคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งที่พยานหลักฐานในคดีของผมคือข้อความที่โพสต์ซึ่งไม่อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้อีก ข้ออ้างที่ว่าผมจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจึงเป็นไปไม่ได้ เพื่อความชัดเจน ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ พงส. ว่า ในคดีเก่าที่ผมถูกแจ้งข้อหาแล้วมีคนให้ความเห็นแบบผมหลายคนตามรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในคำให้การ ดังนั้น หากจะเลือกที่จะดำเนินคดีกับผมคนเดียวก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือเป็นการละเว้นสำหรับคนอื่น ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มหากเป็นการกระทำโดยเจตนาจะให้ผมได้รับโทษสูงขึ้นก็ควรระวังประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 เพราะผมย่อมมีสิทธิจะฟ้องกลับเพื่อปกป้องตัวเองเช่นกัน ความจริงคำขวัญของตำรวจปรากฏอยู่ที่ฐานของอนุสาวรีย์ว่า "ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน" ก็มีความชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว ปัญหาคือคนที่เป็นตำรวจยังจำได้หรือเปล่า

วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
16 สิงหาคม 2560

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.