A Hwasong-14 intercontinental ballistic missile is pictured during its second test-fire in this undated picture provided by KCNA in Pyongyang, North Korea, on July 29, 2017.

ความขัดแย้งทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ตึงเครียดยิ่งขึ้นในวันพุธ หลังจากกองทัพเกาหลีเหนือมีแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาแผนยิงขีปนาวุธโจมตีเกาะกวม ซึ่งเป็นหนึ่งในดินแดนในการปกครองของสหรัฐฯในมหาสมุทรแปซิฟิก และมีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่

ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวตอบโต้ว่า เกาหลีเหนือเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้าง หากเริ่มก่อสงครามกับสหรัฐฯ จริงๆ

รมต.กลาโหมสหรัฐฯ จิม แมททิส มีแถลงการณ์ในวันพุธว่า เกาหลีเหนือเสี่ยงต่อการถูกทำลายล้าง หากเริ่มก่อสงครามกับสหรัฐฯ ขึ้นจริงๆ และบอกว่ากรุงเปียงยางต้องยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ไม่เช่นนั้นอาจถึงเวลาสิ้นสุดของระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ และประชาชนก็จะถูกทำลาย

Secretary of Defense Jim Mattis

พลเอกแมททิส ระบุว่า ปัจจุบันสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร มีศักยภาพทางทหารแข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งกองทัพเกาหลีเหนือไม่สามารถเทียบเคียงได้ ดังนั้นหากเกาหลีเหนือยังดื้อดึงจะก่อสงคราม ก็จะถูกปราบอย่างราบคาบ

โดยแถลงการณ์ของ รมต.กลาโหม พลเอก จิม แมททิส มีขึ้นหลังจากที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าคลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในขณะนี้ แข็งแกร่งและทรงอำนาจที่สุดเท่าที่เคยมีมา

และในขณะที่ รมต.กลาโหมสหรัฐฯ แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือ อีกด้านหนึ่ง รมต.ต่างประเทศ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ก็พยายามลดความกังวลของประชาชนอเมริกันที่มีต่อภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ โดยกล่าวว่า คนอเมริกันสามารถนอนหลับอย่างเป็นสุข และไม่ควรกังวลต่อการแลกเปลี่ยนคำขู่ระหว่างสองประเทศในช่วงไม่กี่วันมานี้

Secretary of State Rex Tillerson listens as President Donald Trump speaks during a Cabinet meeting, in the Cabinet Room of the White House in Washington, June 12, 2017.

รมต. ทิลเลอร์สัน กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ จำเป็นต้องส่งคำขู่ที่แข็งกร้าวนั้นไปยังเกาหลีเหนือเพื่อให้หยุดพฤติกรรมที่ยั่วยุ และเป็นการยืนยันว่า สหรัฐฯมีศักยภาพพร้อมในการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามและการโจมตีต่างๆ รวมทั้งปกป้องพันธมิตรของสหรัฐฯ ด้วย

รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า คำพูดของ ปธน.ทรัมป์ มีเป้าหมายไปที่ ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ซึ่งน่าจะเข้าใจคำขู่ลักษณะนี้มากกว่าภาษาทางการทูต

ก่อนหน้านี้ ทางเกาหลีเหนือมีแถลงการณ์ว่า กำลังพิจารณาแผนยิงขีปนาวุธโจมตีเกาะกวม ซึ่งเป็นหนึ่งในดินแดนในการปกครองของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก และมีฐานทัพสหรัฐฯ ตั้งอยู่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่เก็บอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ นอกแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา

FILE - Navy vessels are moored in port at the U.S. Naval Base Guam at Apra Harbor, Guam, March 5, 2016.

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเชื่อว่า หากมีการโจมตีแบบจำกัดโดยสหรัฐฯ ไปยังเกาหลีเหนือ ก็มีโอกาสสูงที่เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ และอาจรวมถึงอาวุธเคมี ใส่เกาหลีใต้ โดยเชื่อว่าเวลานี้เกาหลีเหนือมีศักยภาพในการยิงปืนใหญ่ได้ราว 300,000 ลูก ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงแรกหลังถูกโจมตี ซึ่งสามารถโจมตีไปถึงประชากรราวครึ่งหนึ่งของเกาหลีใต้ รวมถึงประชากร 10 ล้านคนในกรุงโซล

ขณะที่คุณบรูซ คลิงเนอร์ นักวิเคราะห์แห่ง Heritage Foundation กล่าวว่า หากต้องการกำจัดโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธทั้งหมดของเกาหลีเหนือ นั่นหมายความว่าต้องมีการบุกโจมตีเกาหลีเหนือแบบเต็มรูปแบบ และนั่นหมายถึงการล้มระบบการปกครองของเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์ด้วย

บรรดานักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่า หากเกิดสงครามขึ้นจริง อเมริกาจะสามารถเอาชนะเกาหลีเหนือได้ แต่คาบสมุทรเกาหลีจะลุกเป็นไฟและจะมีประชาชนหลายล้านคนล้มตาย

แต่คุณบรูซ เบนเน็ทท์ นักวิเคราะห์ขององค์กรวิจัย Rand Corporation ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จีนจะส่งกำลังทหารเข้าร่วมต่อสู้เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ยึดครองเกาหลีเหนือได้

ในขณะที่เกาหลีใต้เองก็อาจจะไม่เห็นด้วยที่สหรัฐฯ จะก่อสงครามกับเกาหลีเหนือ เพราะนั่นหมายถึงอันตรายต่อประชาชนของเกาหลีใต้เองไม่มากก็น้อย

(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากห้องข่าววีโอเอ)


source :- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066994955404218778

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.