ที่มาภาพ เว็บไซต์ สำนักส่งเสริมงานตุลาการ

Posted: 28 Feb 2018 01:31 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

นำร่องใช้กำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์สวมข้อเท้าผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว แทนหลักทรัพย์ประกันในคดีเล็กน้อย 1 มี.ค.นี้ ลดความเหลื่อมล้ำและปริมาณผู้ต้องขัง ฝ่าฝืนผิดเงื่อนไข-ทำลายอุปกรณ์ ออกหมายจับทันที

28 ก.พ.2561 สำนักส่งเสริมงานตุลาการ รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 12 อาคารศาลอาญา สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้จัดแถลงข่าว “โครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลไปใช้ในการปล่อยชั่วคราว” (Electronic Monitoring - EM) ซึ่งขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมมีศูนย์ควบคุมและติดตามการปล่อยชั่วคราวโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นศูนย์กลางการควบคุมและติดตามผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่มีระบบที่พร้อมตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทาง ซึ่งเปิดดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงและจะเปิดดำเนินการระบบการติดตามแบบเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เพื่อใช้กับศาลนำร่องจำนวน 23 ศาล ทั้งนี้ “โครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการดินทางของบุคคลไปใช้ในการปล่อยชั่วคราว” สอดคล้องกับนโยบายประธานศาลฎีกาที่เป็นการเพิ่มการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดีและเพื่อให้การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมรวดเร็วยิ่งขึ้น ง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง

ผู้จัดการอนไลน์ รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า หากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอ หรือพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง ก็เป็นดุลพินิจศาลว่าจะใช้กำไลข้อเท้าควบคุมหรือไม่ ที่ผ่านมาจากการประเมินพบว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพโดยจะเริ่มใช้กำไลข้อเท้าจำนวน 5,000 เครื่อง กับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา วันที่ 1 มี.ค.นี้กับศาลนำร่องทั่วประเทศ 23 ศาลทั่วประเทศ เช่น ศาลอาญา 600 เครื่อง ศาลจังหวัดมีนบุรี 600 เครื่อง ศาลอาญากรุงเทพใต้ 300 เครื่อง ศาลอาญาธนบุรี 300 เครื่อง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 50 เครื่อง โดยกำไลข้อเท้าจะทำให้เจ้าพนักงานศาลรู้ว่าผู้ต้องหา หรือจำเลยปฏิบัติ ตามเงื่อนไขศาลหรือไม่ เช่น ป้องกันการหลบหนี หรือจะก่อเหตุประทุษร้ายกับผู้เสียหายอีก การออกนอกพื้นที่ หรือการฝ่าฝืนเงื่อนไข ศาลจะพิจารณาออกหมายจับต่อไป การนำเทคโนโลยีมาใช้การจัดการบริหารคดีนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สะดวก รวดเร็ว ประหยัด เป็นไปตามนโยบายของประธานศาลฎีกา

กำพล รุ่งรัตน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา กล่าวว่า กำไลข้อเท้า EM ซึ่งติดระบบ นำทาง GPS ไว้มีน้ำหนักเบา 230 กรัม จะถูกสวมที่ข้อเท้าผู้ต้องหาหรือจำเลย ตลอดเวลา เพื่อใช้กำหนดพื้นที่การเดินทาง ความเคลื่อนไหว และพื้นที่ต้องห้าม สอดส่องพฤติกรรมของผู้ใช้ หากมีการกระทำผิดเงื่อนไข เช่น ออกนอกพื้นที่มีการทำลายกำไลข้อเท้า ฯลฯ เครื่องจะแสดงสัญญาณไปที่ศูนย์ควบคุมฯ ให้เจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ผลัดละ 8 คน 8 ชั่วโมง รายงานต่อผู้พิพากษาเวร แต่ละศาลเพื่อพิจารณาออกหมายจับ ผู้ต้องหาหรือจำเลยทันที สำหรับกำไลข้อเท้า EM นี้ในปีแรก ทางศาลยุติธรรมจะเริ่มใช้ จำนวน 5,000 เครื่อง ใช้งบประมาณ 80.8 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 10,000 เครื่อง ให้แก่ศาลอื่นๆ ในปีที่ 2 โดยจะมีการประเมินผลการใช้งานแบบปีต่อปี

สุริยัณห์ หงส์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดสรรอุปกรณ์กำไลข้อเท้า EM ไปแต่ละศาลนำร่อง 23 แห่งนั้นในจำนวนที่แตกต่างกันนั้นก็พิจารณาจากปริมาณคดีที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขการพิจารณาใช้กำไลข้อเท้า EM ในแต่ละศาล โดยหลังจากเริ่มใช้นำร่องในวันที่ 1 มี.ค.นี้แล้ว ศาลก็จะประเมินประสิทธิภาพด้วยภายในสิ้นปี 2561 นี้ ว่าใช้ได้ดีเพียงใด มีข้อใดต้องปรับและพัฒนาอีกหรือไม่ อย่างไรก็ดี โครงการส่งเสริมการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลมาใช้ในการปล่อยชั่วคราว หรือกำไลข้อเท้า EM นั้น เบื้องต้นคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ก็มีมติที่จะให้เพิ่มศาลนำร่องอีก 3 แห่งด้วย คือ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2, ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกศาลละ 50 ชุด โดยขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณที่ต้องเพิ่มต่อไป

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.