Posted: 26 Mar 2018 01:52 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
โฆษกนายกฯ โฆษก คสช. ประสานเสียง หากยังวุนวาย จะรับประกันได้อย่างไรว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยเรียบร้อย เผยทีมกฎหมายกำลังดำเนินการตรวจสอบการกระทำผิด กลุ่มคนอยากเลือกตั้งแถลงความวุนวายที่เกิดขึ้นไม่กระทบประชาชน แต่กระทบจิตใจ คสช.
ภาพจาก Banrasdr Photo
หลังจากที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้เดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 มี.ค. 2561 เพื่อเรียกร้องให้ กองทัพบกยุติบทบาทในการเป็นกองหนุนให้กับ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และขอให้ทหารกลับเข้ากรมกอง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ทางกลุ่มได้ยื่นข้อเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนไปยัง คสช. ว่า ให้ คสช. ยุติบทบาทลง โดยให้เหลือไว้แต่เพียงรัฐบาลรักษาการณ์เพื่อเตรียมตัวสู่การเลือกตั้งภายในปีนี้ แต่ขอเสนอดังกล่าวได้รับการเมินเฉย ขณะที่ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาตั้งคำถามต่อกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่า หากยุบ คสช. แล้ว ใครจะเป็นผู้ดูแลความสงบของชาติ
โฆษกรัฐบาล ชี้หายังวุ่นวาย อะไรคือหลักประกันว่าการเลือกตั้งจะเรียบร้อย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ที่ยังคงมีบุคคลบางกลุ่มพยายามเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย และประกาศจะยกระดับให้เข้มข้นขึ้นอีก หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้สังคมรู้สึกกังวลว่า ภาพเก่าๆ เริ่มปรากฎขึ้นอีกครั้ง จึงอยากให้ประชาชนทุกคนร่วมกันพิจารณาว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ เพื่อประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนรัฐบาล และคสช.จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ไม่ยอมให้ประเทศชาติกลับไปสู่วงจรเดิมอย่างเด็ดขาด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับดำเนินการกับกลุ่มเคลื่อนไหวด้วยความรอบคอบรัดกุมภายใต้กรอบกฎหมาย
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป โดยขั้นตอนและวันเลือกตั้งนั้นเป็นไปตามกฎหมาย และอยากย้ำถึงภารกิจสำคัญที่ คสช. ต้องเข้ามา และมีรัฐบาลบริหารประเทศในช่วงนี้ คือ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดังนั้น จึงเกิดคำถามว่า หากยังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อะไรคือหลักประกันว่าบรรยากาศของการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โฆษก คสช. เร่งดำเนินคดี คนอยากเลือกตั้ง ชี้โจมตีรัฐบาลด้วยข้อมูลบิดเบือน
ด้าน พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ในฐานะทีมโฆษก คสช. เปิดเผยว่า ทั้งสรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว และ รังสิมันต์ โรม ถือว่าเป็นผู้ที่มีคดีติดตัว และศาลมีคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมในลักษณะของการยุยงปลุกปั่น หรือกระด้างกระเดื่อง นำกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวมายังกองทัพบก โดยใช้รถขายเสียงในการปราศรัยตลอดเส้นทาง ซึ่งในเวลานี้ ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการตรวจสอบในรายละเอียดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายใดบ้าง และทำผิดเงื่อนไข พ.ร.บ.การชุมในที่สาธารณะหรือไม่ที่มีการใช้เครื่องขยายเสียง มีการชุมนุนเกินกำหนดเวลาที่ได้ขออนุญาต และกีดขวางการจราจร เนื่องจากก่อนที่จะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าว ทาง คสช. ได้รับการประสานขออนุญาตจัดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และจะเดินทางมายื่นหนังสือที่ กองบัญชาการกองทัพบก แต่ทางแกนนำได้เดินทางมาเพื่อปราศรัยโจมตีการทำงานรัฐบาล และ คสช. ซึ่งมีข้อมูลที่บิดเบือน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ปิยพงศ์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความอดทนและเหมาะสม เพื่อให้บรรยกาศการจัดกิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถึงแม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามผลักดันเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามายังหน้ากองบัญชาการกองทัพบกก็ตาม แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่มีเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้น
รัฐมนตรีกลาโหม ย้ำชัด คสช. กับกองทัพ เป็นเนื้อเดียวกัน แยกไม่ออก
ขณะที่วันนี้ 26 มี.ค. 2561 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า มีอะไรบ้างที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่เลือกตั้ง ตอนนี้บ้านเมืองเดินตามโรดแมปที่กำหนดไว้ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ซึ่งเคลื่อนไหวแบบนี้ก็เป็นการป่วน เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจนเดินตามโรดแมป และเลือกตั้ง ก.พ. 2562 และไม่มีอะไรเลยที่จะไม่เลือกตั้ง ส่วนที่ขู่ว่าจะบุกทำเนียบรัฐบาลนั้นคิดว่า ก็ให้ขู่ไป
เมื่อถามว่า การชุมนุมแบบนี้จะผิด พ.ร.บ.ชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ พ.ศ.2558 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขามากันไม่มาก แค่ร้อยกว่าคน ขอให้ดูคนที่มาเป็นพวกไหน มีเจตนาอย่างไรส่วนจะบังคับใช้กฎหมายชุม หรือไม่ คิดว่าก็แล้วแต่ ถ้ามีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษ
เมื่อถามว่า มีข้อเรียกร้อง กองทัพ แยกออกจากคสช. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่แยก เขาไม่แยกจากกันอยู่แล้ว ส่วนที่เรียกร้องให้ กองทัพเลิกสนับสนุน คสช. ขอยืนยันว่ากองทัพเป็นส่วนหนึ่งของ คสช. อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สรุป ข้อเรียกร้องของกลุ่มดังกล่าว รัฐบาลจะไม่ทำตาม หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า จะให้ทำอย่างไร การเลือกตั้งมีการกำหนดไว้แล้ว ว่าใครจะทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร และมีการกำหนดตามรัฐธรรมนูญ แล้วจะไปเร่งรัดได้อย่างไร ดังนั้นทุกอย่างดำเนินการตามที่กำหนด และเป็นไปตามโรดแมป
เมื่อถามต่อว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยกระดับการชุมนุม วันที่ 5 พ.ค. จะมีมาตรการดูแลอย่างไร รองนายกฯประวิตร กล่าวว่า เราก็ดูแลสถานการณ์ตามปกติ ส่วนการประกาศเคลื่อนไหววันดังกล่าวเราต้องประเมินสถานการณ์กันอีกที
เมื่อถามย้ำอีกทีว่า การเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นภัยความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คิดดูเอาเอง เพราะบ้านเมืองกำลังเดินได้ด้วยดี และเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนด
ภาพจาก Banrasdr Photo
คนอยากเลือกตั้งโต้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดกับประชาชน แต่เกิดขึ้นในจิตใจ คสช.
ส่วนกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจกลุ่มมฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยระบุว่า ในการจัดกิจกรรมของ “คนอยากเลือกตั้ง” ทุกครั้งที่ผ่านมา เราได้ให้ความสำคัญและพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ก่อให้เกิด “ความวุ่นวาย” ที่ส่งผลต่อประชาชน เพราะประชาชนไม่ใช่ศัตรูของเรา ศัตรูของเราคือ คสช.
ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ยืนยันในเรื่องนี้ได้ คือพวกเราได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยดูแลการจราจรและความปลอดภัยอยู่เสมอ แน่นอนว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ที่ยืนยันได้อย่างแน่นอน คือการจัดกิจกรรมของพวกเรายังไม่เคยทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ยังไม่เคยทำให้หน่วยงานราชการต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ และที่สำคัญที่สุด พวกเราไม่เคยจัดกิจกรรมโดยมุ่งหมายที่จะทำร้ายร่างกายหรือทำลายทรัพย์สินของใคร (และขอให้คิดในทางกลับกันด้วยว่าการที่ คสช. อยู่ต่อจะสร้างความเดือดร้อนแก่คนมากเท่าไหร่ ยาวนานแค่ไหน)
ความวุ่นวายที่พวกเราได้ก่อเอาไว้อย่างใหญ่หลวงจริงๆ เห็นจะมีแต่ความวุ่นวายในจิตใจของ พล.อ.ประยุทธ์ และพลพรรค คสช. เท่านั้น เพราะข้อเรียกร้องของพวกเรามันพุ่งเป้าไปยังความต้องการขั้นสูงสุดในก้นบึ้งหัวใจของ คสช. นั่นคือการสืบทอดอำนาจ และพวกเราเองก็ไม่ได้ต้องการยกระดับการเคลื่อนไหวไปให้มากกว่านี้ เพราะเรารู้ดีว่า คสช. จ้องจะเอาผลกระทบที่เกิดขึ้นมาป้ายสีพวกเราว่าเป็น “ตัวป่วน” และสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองได้อยู่ต่อไป ดังนั้นหาก คสช. ทำตามข้อเรียกร้องของพวกเรา การยกระดับการเคลื่อนไหวก็จะไม่เกิดขึ้น
แล้วทำไมพวกเราต้องพยายามผลักดันข้อเรียกร้องของตัวเองขนาดนั้น? ก็เพราะเราเห็นมาตลอดว่า คสช. บอกว่าจะจัดการเลือกตั้งตามโรดแมป จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เหมือนที่อ้างในครั้งนี้ด้วย แต่เราก็เห็นมาตลอดเช่นกันว่าโรดแมปถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ คสช. พยายามหาทางสืบทอดระบอบเผด็จการต่อไป ดังนั้นเราจึงเชื่อคำพูดของ คสช. ไม่ได้อีกแล้ว คสช. จะต้องพิสูจน์โดยการกระทำเท่านั้น นั่นคือต้องยุบ คสช. เปลี่ยนสถานะรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการ ยกเลิกคำสั่งจำกัดสิทธิเสรีภาพในทางการเมือง และให้ทหารกลับเข้ากรมกองเสีย
การถามหาหลักประกันว่าการเลือกตั้งจะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นอีกหนึ่งตลกร้ายที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดออกมา เพราะในประเทศนี้วันนี้ ผู้ที่มีแรงจูงใจและศักยภาพในการทำลายหลักประกันนี้มากที่สุดก็คือ คสช. และกองทัพนั่นเอง เนื่องจากการเลือกตั้งนั้นทำให้ คสช. เสียอำนาจและผลประโยชน์โดยตรง ดังนั้นหากสังคมต้องการหลักประกันนี้จริงๆ ผู้ที่ต้องถูกจับตามองจึงไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นฝ่าย คสช. มากกว่า และถ้า คสช. ยังอยู่ต่อไปได้ อย่าว่าแต่หลักประกันว่าการเลือกตั้งจะสงบเรียบร้อยเลย หลักประกันว่าจะเกิดการเลือกตั้งยังไม่มีด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังพยายามขุด “ภาพเก่าๆ” (ที่คงเน้นที่การชุมนุมประท้วงต่างๆ) มาหากินอีกครั้ง พวกเราก็อยากจะบอกเช่นกันว่าสิ่งที่พวกเราทำไปก็เพื่อไม่ให้สังคมไทยต้องไปเจอกับ “ภาพเก่าๆ” อีก ภาพที่เราหมายถึงนั้นเก่ากว่ามาก นั่นคือภาพที่เผด็จการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แม้เป็นภาพเก่าแต่ทว่าชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะในวันนี้คนไทยทั้งประเทศถูกยัดเยียดให้ต้องทนเห็นแม้ไม่อยากจะเหลียวมอง เราจึงต้องมีข้อเรียกร้องดังที่กล่าวมา เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการลบภาพเก่าๆ นี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีก สุดท้ายนี้ ถ้า คสช. ไม่อยากให้ประเทศชาติกลับไปสู่วงจรแบบเดิมอีกเด็ดขาดอย่างที่อ้าง ก็ออกไปซะ
เรียบเรียงจาก: PPTV , ข่าวสด , INN
แสดงความคิดเห็น