Posted: 23 Mar 2018 04:02 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
กสม. นำเสนอรายงานผลประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชน และผลการดำเนินงาน ปี 59 ต่อที่ประชุม สนช. เผยเจ้าหน้าที่รัฐถูกเชื่อมโยงกรณีการละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม-สิทธิชุมชน แนะรัฐให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทุกด้านของประชาชน
23 มี.ค. 2561 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (สนง.กสม.) รายงานว่า วันนี้ ที่รัฐสภา ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ และ เตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมด้วย ภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการ กสม. โสพล จริงจิตร รองเลขาธิการ กสม. อัจฉรา ฉายากุล ที่ปรึกษา สนง.กสม. อัญญะรัฐ เอ่งฉ้วน ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และชนินทร์ เกตุปราชญ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและวิชาการ เข้าร่วมประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 17/2561 เพื่อเสนอรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559 และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559
ประกายรัตน์ นำเสนอรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559 โดยระบุว่า ภาพรวมของรายงาน ปี 2559 สะท้อนให้เห็นความพยายามของรัฐหลายประการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ การปฏิรูปประเทศ การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างกฎหมาย การลดความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมต่าง ๆ แต่ กสม. ยังเห็นผลกระทบในการดำเนินการที่มีต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลและชุมชน โดยมีข้อสังเกตต่อสถานการณ์ในช่วงปี 2559 และข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. การใช้ข้อกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชน และการใช้กฎหมายในลักษณะพิเศษ กสม. พบว่า แม้ว่ารัฐบาลได้ออกกฎหมายในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนหลายฉบับ แต่ก็ยังพบความจำเป็นในการปรับปรุงกฎหมายบางฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งพิจารณา (ร่าง) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการใช้ หรือการตีความกฎหมายบางฉบับที่อาจเกินขอบเขต ส่งผลให้เกิดการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตลอดจนเสรีภาพในการสื่อสาร หรือการนำเสนอข่าวสาร
2. การนำกฎหมายหรือนโยบายไปสู่การปฏิบัติ กสม. พบว่า มีความคืบหน้าในหลายกรณี อาทิ การจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ ทว่า ยังมีข้อติดขัดในทางปฏิบัติ และผลกระทบข้างเคียงจากการดำเนินนโยบายต่อบุคคล และชุมชน ทั้งนี้ ในปี 2559 กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนที่กล่าวอ้างเป็นการละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมสูงที่สุด โดยในส่วนนี้มีสถานการณ์ที่มีการอ้างถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายด้วย อย่างไรก็ดี กสม. พบความก้าวหน้าที่สำคัญในเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ตามข้อเสนอของ กสม. นำหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) ให้ภาคธุรกิจไทยที่ประกอบกิจการทั้งในและนอกราชอาณาจักรปรับใช้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับความชื่นชมจากนานาประเทศ
3. ทิศทางการใช้กฎหมายหรือนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา และการสร้างศักยภาพในการลงทุน จากการที่ กสม. จัดกระบวนการติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคต่าง ๆ พบว่าชุมชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายและโครงการพัฒนาของรัฐเพื่อการค้าและการลงทุน โดยที่ชุมชนไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินการ ทำให้เกิดความขัดแย้งนำไปสู่ความไม่มั่นคง การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อชีวิต อาชีพ วัฒนธรรม ศาสนาของชุมชน ในบางครั้งเชื่อมโยงกับการใช้กำลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐมักถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว ทั้งนี้ มีการออกคำสั่ง คสช. หลายฉบับส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกิน รวมถึงการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อปกป้องชุมชนและฐานทรัพยากร ซึ่งมักจะถูกเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง ทำให้ผู้นำชุมชนที่ดูแลผลประโยชน์สาธารณะถูกข่มขู่คุกคามโดยการฟ้องร้องดำเนินคดี กสม. จึงเห็นว่า รัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การกำหนดนโยบาย การเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และการพิจารณาออกกฎหมาย/นโยบายเพื่อมิให้มีการใช้กระบวนการยุติธรรมคุกคามผู้ที่ดูแลผลประโยชน์สาธารณะ
4. ความจำเป็นในการดำเนินงานติดตามและประเมินผลการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีกลไกและกระบวนการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เตือนใจ รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 สรุปว่า กสม. มีภารกิจหลักในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สำหรับผลการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในงบประมาณปี 2559 กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 748 เรื่อง โดยเป็นเรื่องที่รับไว้ตรวจสอบและมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน 479 เรื่อง เช่น ผลกระทบจากเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งมีการเสนอมาตรการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี
สำหรับผลการปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมีการดำเนินการทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เช่น ในระดับประเทศ มีการสร้างกลไกการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทด้านสิทธิมนุษยชน การยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลและองค์กรที่ปฏิบัติงานอุทิศตนเพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการพิสูจน์และรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นโดยดำเนินการร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และในระดับระหว่างประเทศ มีการดำเนินการเพื่อให้ กสม. ได้รับการปรับสถานะจาก ‘บี’ เป็น ‘เอ’ จากคณะกรรมการรับรองสถานะของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (SCA) เครือข่ายพันธมิตรสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (GANHRI) ซึ่งจะส่งผลบวกต่อภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ โดยการเสนอแนะต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาเพิ่มข้อบัญญัติในร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ... ด้วยการให้มีบทบัญญัติที่ให้การคุ้มกัน กสม. ในการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจโดยสุจริต เป็นอิสระ และไม่ต้องรับผิดทางแพ่งและทางอาญา รวมทั้งกระบวนการสรรหา กสม. ในส่วนของกรรมการสรรหาเพื่อให้มีความหลากหลาย
อนึ่ง กสม. ได้จัดส่งรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560 และผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วในวันเดียวกันนี้ โดยคาดว่าจะเข้าแถลงรายงานฯ ปี 2560 ดังกล่าวต่อที่ประชุม สนช. ได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ สามารถอ่านรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559 ฉบับเต็ม ได้ที่เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (https://goo.gl/f9FvKP)
[full-post]
แสดงความคิดเห็น