ที่มาภาพ: Maxpixel


Posted: 26 Mar 2018 10:33 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

มีผู้ร้องทุกข์ว่าเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลประวัติการสื่อสารของผู้ใช้งานระบบแอนดรอยด์ไว้ ทำให้เฟซบุ๊กออกมาชี้แจงว่าพวกเขาจัดให้มีฟังค์ชั่นปิดระบบไม่ให้บันทึกข้อมูลดังกล่าว และจะมีการเตือนผู้ใช้งานว่าต้องการเปิดระบบนี้หรือไม่ ยัน ไม่ได้เอาข้อมูลไปขาย ด้านสื่อไอทีระบุว่าผู้ใช้งานแอนดรอยด์รุ่นเก่าอาจเผลออนุญาตเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลโดยไม่รู้ตัว

26 มี.ค. 2561 จากกระแสการสืบสวนกรณีเฟซบุ๊กส่งข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานให้เคมบริดจ์อนาไลติกา ทำให้ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กหลายคนดาวน์โหลดประวัติข้อมูลจากเฟซบุ๊ก มีผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนร้องเรียนว่าเฟซบุ๊กได้เก็บข้อมูลประวัติผู้ใช้งานระบบแอนดรอยด์ว่าได้ติดต่อสื่อสารกับใครบ้างเอาไว้เป็นเวลาหลายเดือนจนถึงหลายปี

ผู้ใช้งานระบบแอนดรอยด์หลายคนต่างตื่นตระหนกที่พบว่าเฟซบุ๊กเก็บข้อมูลเอสเอ็มเอสของพวกเขาในระบบแอนดรอยด์เป็นเวลาหลายปีรวมไปถึงข้อมูลว่าได้โทร. ติดต่อใครบ้าง

การเก็บข้อมูลดังกล่าวนี้มีการอ้างว่าทำไปเพื่อพัฒนาระบบการเสนอเพิ่มเพื่อนและแยกแยะระหว่างบัญชีผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มธุรกิจกับเพื่อนปฏิสัมพันธ์กันจริงออกจากกัน

หลังจากที่สื่อ Ars Technica และ The Verge รายงานเรื่องนี้ทางเฟซบุ๊กก็ออกมาชี้แจงว่าพวกเขาไม่ได้แอบลักลอบเก็บข้อมูลอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นระบบที่แฝงอยู่ในเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์สำหรับแอนดรอยด์อยู่แล้ว และระบุว่าผู้ใช้งานสามารถเข้าไปติดตั้งปิดไม่ให้มีการบันทึกดังกล่าวได้และสั่งลบข้อมูลประวัติการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ได้ด้วย

ในหน้าเพจชี้แจงของเฟซบุ๊กยังระบุอีกว่า เมื่อผู้ใช้งานลงชื่อเข้าใช้งานในเมสเซนเจอร์หรือเฟซบุ๊กไลท์บนระบบแอนดรอยด์ พวกเขาจะเจอหน้าเพจที่เสนอทางเลือกว่าผู้ใช้งานจะเปิดระบบบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารของพวกเขาหรือไม่ รวมถึงสามารถเลือก "เรียนรู้เพิ่มเติม" เกี่ยวกับระบบนี้ เลือกที่จะเปิดระบบ หรือ "ข้ามไป" ได้ ทางเฟซบุ๊กชี้แจงอีกว่าพวกเขาไม่ได้ขายข้อมูลการติดต่อปฏิสัมพันธ์ให้องค์กรอื่นใด อีกทั้งระบบนี้ไม่ได้เก็บข้อมูลเนื้อหาสิ่งที่พูดคุยกันระหว่างบุคคลเอาไว้

อย่างไรก็ตาม Ars Technica ระบุถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบการปรับแต่งของเฟซบุ๊กว่าผู้ใช้งานบางส่วนอาจจะเผลออนุญาตให้เฟซบุ๊กเก็บข้อมูลดังกล่าวไปโดยไม่รู้ตัวโดยเฉพาะกับผู้ใช้งานแอนดรอยด์ที่เก่ากว่าเวอร์ชั่น 4.1 ที่อนุญาตให้เฟซบุ๊กเข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารของพวกเขาโดยอัตโนมัติ ก่อนที่แอนดรอยด์จะปรับระบบการอนุญาตเข้าถึงข้อมูลให้ดูชัดเจนและละเอียดมากขึ้นในเวอร์ชั่น 16 กระนั้นผู้พัฒนาแอพพลิเคชันก็ยังสามารถข้ามขั้นการขออนุญาตและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้มาเรื่อยๆ จนถึงช่วงเดือน ต.ค. 2560 ที่กูเกิลเพิ่งจะมีการปรับปรุงในเรื่องนี้

The Verge ระบุอีกว่าการเก็บข้อมูลการติดต่อระหว่างผู้ใช้งานเช่นนี้ไม่พบในเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ถึงแม้ว่าแอปเปิลจะอนุญาตให้มีแอพพลิเคชันเฉพาะที่เข้าถึงข้อมูลได้ผ่านฟังค์ชั่นบล๊อคสแปมการโทร. และการสแปมข้อความ แต่แอพพลิเคชันดังกล่าวเหล่านั้นจะต้องได้รับการอนุญาตเป็นการเฉพาะในลักษณะเดียวกับการอนุญาตให้มีการเก็บข้อมูลจากการพิมพ์บนแป้นพิมพ์ (Third-party keyboards) ทั้งนี้ แอพพลิเคชันของ iOS ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงประวัติหรือเนื้อหาข้อความ SMS ได้ แอพพลิเคชันเฟซบุ๊กของ iOS เองก็ไม่สามารถเก็บข้อมูลเหล่านั้นในไอโฟนได้เช่นกัน

เมื่อไม่นานมานี้ยังมีกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวเมื่อเฟซบุ๊กถูกกล่าวหาว่าพวกเขาขายข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ 50 ล้านรายชื่อให้กับเคนบริดจ์อนาไลติกา โดยที่เฟซบุ๊กเปลี่ยนระบบการควบคุมความเป็นส่วนตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่ทางเฟซบุ๊กก็ถูกวิจารณ์เนื่องจากเคยปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และซีอีโอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ถูกสอบสวนในเรื่องนี้โดยกรรมการรัฐสภาของสหราชอาณาจักรเรียกให้เข้าไปชี้แจงเรื่องที่ทำไมถึงมีการส่งต่อข้อมูลของผู้ใช้โดยปราศจากความยินยอม

เรียบเรียงจาก

Facebook has been collecting call history and SMS data from Android devices, The Verge, Mar. 25, 2018

Facebook scraped call, text message data for years from Android phones [Updated], Ars Technica, Mar. 25, 2018

Fact Check: Your Call and SMS History, Facebook Newsroom, Mar. 25, 2018

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.