Posted: 24 Mar 2018 11:18 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
25 มี.ค. 2561 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่ากรณี นายสุกรี ฮารี หัวหน้าคณะกลุ่ม "มาราปาตานี" ออกแถลงการณ์ 4 ข้อถึงรัฐบาลไทย ประกอบด้วย 1. การพูดคุยที่ดำเนินไปอยู่ในขณะนี้ระหว่างมาราปาตานีและรัฐบาลไทย ยังคงเป็นระดับทางเทคนิค ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะทำงานร่วมการพูดคุยสันติสุข (JWG-PDP) ข้อตกลงที่บรรลุก่อนหน้านี้จึงไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย 2. มาราปาตานีเปิดกว้างต่อความคิดเห็นและข้อแนะนำจากประชาชนภายใต้สิทธิกำหนดการปกครองด้วยตนเอง 3. เรามีความเชื่อมั่นในทีมพูดคุยสันติสุขของไทย ซึ่งได้รับมอบอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรี เป็นกระบวนการทางการที่ถูกพัฒนาให้เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นกังวลต่อคำแถลงการณ์และการกระทำบางประการของแม่ทัพภาคที่ 4 ขัดแย้งกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข และ 4. มาราปาตานีให้คำมั่นที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งโดยการพูดคุยสันติสุข ต้องการที่เน้นย้ำว่า โครงการพาคนกลับบ้าน กับโครงการการกำหนดเขต พื้นที่ปลอดภัย 14 แห่ง ของแม่ทัพภาคที่ 4 ไม่มีส่วนสัมพันธ์กับกระบวนการพูดคุยสันติสุขระหว่างมาราปาตานีและรัฐบาลไทยแต่อย่างใด นั้น
พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวถึงกรณีคำแถลงของนายสุกรี แกนนำมาราปาตานีว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลใจต่อโครงการที่ปฏิบัติเป็นรูปธรรมไปแล้ว ทั้งโครงการพาคนกลับบ้านและการประกาศเขตพื้นที่ปลอดภัย 14 แห่ง ตนยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และจะทำให้ดีที่สุด ทั้งประชาชนในพื้นที่ที่ต้องช่วยกันร่วมกับข้าราชการทุกภาคส่วน ทั้งนี้ในพื้นที่ปลอดภัยดังกล่าวรวม 14 อำเภอ มีการดำเนินการมานานแล้ว เพียงแต่มิได้เป็นข่าวออกไป แต่ระดับผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นตอนลงไปในพื้นที่จะเข้าใจดีและรับทราบในแนวปฏิบัติ ส่วนการเจรจาสันติสุขของตัวแทนฝั่งผู้เห็นต่างกับตัวแทนรัฐบาลไทยเป็นระดับบนที่ยังพูดคุยหาทางออกของปัญหากันต่อไป
“สิ่งที่นายสุกรีพูดออกมาเป็นแถลงการณ์ 4 ข้อและเกี่ยวข้องกับโครงการของกองทัพภาคที่ 4 ในยุคที่ผมทำหน้าที่เป็นแม่ทัพนั้น ผมยิ่งชอบ เพราะในมุมมองของกลุ่มฝ่ายตรงข้ามเห็นและพูดจาพาดพิงนั้นก็เหมือนกับโครงการเหล่านี้บรรลุเป้าหมาย นายสุกรีจึงแสดงความเห็นออกมาเป็นแถลงการณ์ เนื่องจากผู้คนที่เห็นต่างเริ่มเข้าใจว่ารัฐบาลและทหารไทยนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะนำพาเขาเหล่านี้กลับมาเผชิญทั้งข้อเท็จจริงและการต่อสู้ในส่วนของกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา อย่างนั้นชีวิตหลังจากนี้ไม่ต้องตกอยู่ในกังวลของความมืดมนมองไม่เห็นอนาคตต่อไป มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยบนแผ่นดินเกิดมากกว่าที่นอนรอคำสั่งจากใครไม่ทราบ”
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า โครงการพาคนกลับบ้านที่รีเซตขึ้นใหม่นั้น เมื่อกลุ่มผู้เห็นต่างเริ่มคุยกันปากต่อปากและการที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยเข้าไปรับฟังปัญหาถึงถิ่นที่พักพิง เป็นการให้คำมั่นที่เห็นผลจริงแล้วเกิดขึ้นจริง หมดการหวาดระแวงในข้อสงสัยอีกต่อไป จึงมีผู้คนเห็นต่างๆ มากมายพาบุตรหลานขอกลับมาอยู่ภูมิลำเนาเดิม
“ทางกลุ่มเห็นต่างๆ คงมองว่ากำลังเสียคนของเขาเองกับโครงการพาคนกลับบ้าน แต่หาใช่ไม่เขาเหล่านี้สมควรต้องกลับมาแผ่นดินเกิดของเขา เราสร้างความเข้าใจให้เห็นว่าไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าอยู่บ้านของเราที่ไม่มีวันแบ่งแยกออกไปได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว เราให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินเรื่องคดีให้เขา เราให้อาชีพเขา อยู่กับครอบครัว เด็กๆ และลูกหลานได้ไปโรงเรียน แม้แต่ตัวแทน องค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ที่มีสมาชิกชาติมุสลิมกว่า 57 ประเทศ ที่เมื่อเร็วๆนี้เดินทางมาดูและสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังชื่นชมกับโครงการพาคนกลับบ้านที่นำผู้เห็นต่างกลับมายังประเทศไทย ขอให้การดำเนินโครงการนี้สำเร็จ ยังชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลพี่น้องมุสลิมเป็นอย่างดี พร้อมที่จะรับฟังแนวทางจากรัฐบาลไทยว่ามีนโยบายอะไรในการพัฒนาและจะดูแลความสงบสุขชาวมุสลิมในประเทศไทยอย่างไร และขอให้พี่น้องชาวมุสลิมให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลไทยในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป ในฐานะประเทศมุสลิมด้วยกันก็ไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรง และอยากให้อยู่ด้วยกันอย่างสันติต่อไป นี่คือสิ่งที่ตัวแทนโอไอซี กล่าวกับทางไทย”
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า “ใครที่บอกว่าเราจัดฉากนั้น ผมไม่เคยทำพร้อมให้ทุกคนได้ลงพื้นที่มาพิสูจ น์ความจริง คนที่มาเข้า ร่วมโครงการ เขารู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาเลยอยากจะกลับมาบ้านจะไปหาญาติพี่น้องของเขา การที่เราจะมาช่วยกันทำพัฒนาประเทศมันดีกว่า ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รัฐดูแลประชาชนทุกคนเท่าเทียมเหมือนกันหมด แต่ถ้าทำผิดกฎหมายไทย รัฐจับทุกคนไม่มีข้อยกเว้น ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกเดิน ทางลงพื้นที่ ก็มีการเปิดรับคนเข้าร่วมโครงการ พาคนกลับ บ้าน แล้ว จำนวน 288 คน แล้วก็ยังมีชุดที่ 2 ที่เข้ามาอีก 103 คน ในตอนนี้ก็มีติดต่อเข้ามาแล้วอีกประมาณ 20 - 30 ครอบครัว”
แสดงความคิดเห็น