Posted: 24 Mar 2018 05:52 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

กลุ่ม "ฟื้นฟูประชาธิปไตย" เรียกร้องจัดเลือกตั้งปีนี้ตามที่หัวหน้า คสช. เคยรับปาก ก่อนเดินขบวนจาก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มุ่งหน้ากองทัพบกเพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดหนุน คสช. ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง



คลิปเดินขบวน-ชุมนุมหน้ากองทัพบกเรียกร้องทหารกลับเข้ากรมกอง

24 มี.ค. 2561 เวลา 16.00 น. บริเวณสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งได้นัดชุมนุมเป็นครั้งที่ 4 โดยในเวลา 17.00 น. จะเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกองทัพบก ถนนราชดำเนิน ทวงถามการกำหนดวันเลือกตั้งที่ทางกลุ่มเรียกร้องให้เกิดขึ้นภายในปีนี้

ทั้งนี้รังสิมันต์ โรม นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยกล่าวทวงการเลือกตั้งภายในปีนี้ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยสัญญาไว้ว่าจะต้องเลือกตั้งปีนี้ แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล มีแต่บอกว่าจะจัดเลือกตั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

รังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้องดังกล่าวได้เสนอทางออกให้กับสังคมไทยนั่นคือเสนอให้ คสช. ยุติการทำหน้าที่ และให้เหลือไว้เพียงแต่รัฐบาลรักษาการณ์ เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ต่อเรื่องดังกล่าวรัฐบาล และ คสช. ก็ยังเมินเฉย

เขากล่าวต่อว่า วันนี้ข้อเสนอของประชาชน กลุ่มคนอยากเลือกตั้งคือ การเรียกร้องให้กองทัพยุติการสนับสนุน คสช. เพื่อให้ทหารถอนตัวออกไปจากการเมือง และการบริหารประเทศ โดยจะมีการเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปยังกองทัพบก ที่ถนนราชดำเนินนอก เพื่อเรียกร้องข้อเสนอดังกล่าว

"การที่เราไปที่กองทัพวันนี้ ก็ถือเป็นการกดดันอย่างหนึ่ง หากรัฐบาล และ คสช. ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชน ก็ไม่จำเป็นที่มีการชุมนุม แต่รัฐบาลและคสช. ไม่เคยตอบสนองของเรียกร้องของประชาชนเลย และหากยังไม่มีการตอบสนองต่อไปอีก ในเดือนพฤษภาคม จะเป็นเดือนแห่งการขับไล่ รัฐบาล และ คสช. ต่อไป" รังสิมันต์ กล่าว

ด้านสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ระบุว่าหากรัฐบาลและ คสช. จะทำให้เกิดการเลือกตั้งภายในปีนี้ก็สามารถทำได้ แต่ข้อเท็จจริงพบว่า กลับมีการเตะถ่วงยื้อการเลือกตั้งออกไปอีก โดยอาศัยกลไกทางกฎหมายที่มีการยื่นส่ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่ง ส.ว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา และการยืดเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ป. การเลือกตั้ง ส.ส. ออกไปอีก 90 วัน

"ข้อเรียกร้องวันนี้กองทัพสามารถทำได้เลย พรุ่งนี้คุณก็ไปยื่นใบลาออกจาก คสช. ง่ายๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะทำหรือเปล่า หรือจะทำให้ประชาชนเห็นว่าคุณหนุน คสช. อยู่ หากไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องก็ต้องไล่กันต่อไปให้ออกไปทั้งองคาพยพ" สิรวิชญ์

ต่อมาในเวลา 17.15 น. กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้เริ่มเดินขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยระหว่างกำลังเคลื่อนขบวนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวปิดหน้าประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อไม่ให้รถปราศรัยหกล้ออกจากมหาวิทยาลัย และยึดกุญแจจากคนขับรถหกล้อ

ด้านแกนนำผู้ชุมนุมได้ลงจากรถหกล้อ ไปรวมกับประชาชนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพื่อขึ้นรถกระบะสี่ล้ออีกคันหนึ่ง ที่จอดเตรียมพร้อมไว้บริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ และเคลื่อนขบวนเข้าสู่ถนนราชดำเนิน โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในและนอกเครื่องแบบ ตามขบวนและควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้ลงสู่พื้นผิวการจราจร โดยเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเกรงว่าจะส่งผลให้การจราจรติดขัด

อนึ่งแกนนำผู้ชุมนุมยังออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ คสช. ยุติการดำรงอยู่ของตนเอง และเปลี่ยนเป็นรัฐบาลรักษาการ พร้อมเรียกร้องให้กองทัพยุติการสนับสนุน คสช. ด้วย โดยรายละเอียดของแถลงการณ์ซึ่งอ่านโดย รังสิมันต์ โรม มีดังนี้

แถลงการณ์ขอเรียกร้องให้ คสช. ยุติการดำรงอยู่ของตนเอง
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปลี่ยนสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ
และกองทัพยุติการสนับสนุน คสช.

ตามที่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2561 พวกเราได้เรียกร้องให้ยุติการดำรงอยู่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเปลี่ยนสถานะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นจริง และจะไม่มีการสืบทอดอานาจของ คสช. ในอนาคตนั้น

ในเวลาต่อมา ได้มีคำโต้แย้งจากบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับ คสช. โดยยกอ้างเหตุต่างๆ นานาเพื่อจะสร้างความชอบธรรมให้กับ คสช. ในการดำรงอยู่ต่อไป ทั้งอ้างว่า คสช. จำเป็นต้องอยู่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อ้างว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดให้ คสช. ดำรงอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ หรืออ้างว่า คสช. ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง

พวกเราขอตอบข้อโต้แย้งทั้งหมดที่กล่าวมา ดังนี้

1. การรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นภารกิจที่สามารถดำเนินการได้โดยรัฐบาลและหน่วยงานราชการตามระบบปรกติ ซึ่งรวมถึงตำรวจและกองทัพ ไม่จำเป็นต้องมีคณะบุคคลอย่าง คสช. เพิ่มเติมขึ้นมาให้สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินอีก ยิ่งเมื่อประกอบกับสภาวการณ์ของประเทศไทย ที่การก่อความไม่สงบที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากผู้มีอานาจรัฐไม่รู้เห็นเป็นใจ นั่นหมายความว่าหากรัฐบาลและหน่วยงานราชการปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต้องตั้ง คสช. ขึ้นมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตั้งแต่แรก

2. บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไม่ใช่สิ่งจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป หากแต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากมีเหตุผลอันสมควร โดยเฉพาะบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่ตราขึ้นโดยฝ่าย คสช. เพื่อตอบสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตัวเอง โดยนัยยะนี้ การกล่าวว่า “เพราะกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้น” จึงไม่ต่างกับการกล่าวว่า “เพราะ คสช. ต้องการให้เป็นเช่นนั้น” ซึ่งความต้องการที่ว่านี้ของ คสช. ได้ทำลายหลักประกันว่าจะเกิดการเลือกตั้งและไม่มีการสืบทอดอำนาจ จึงเป็นเหตุผลอันสมควรที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อให้ยุติการดำรงอยู่ของ คสช. ได้

3. คสช. เป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดต่อการจัดการเลือกตั้ง เพราะ คสช. เป็นผู้เสียผลประโยชน์โดยตรงจากการจัดการเลือกตั้ง แต่กลับเป็นผู้ถือครองอำนาจสูงสุดของประเทศ จึงมีโอกาสที่ คสช. จะใช้อำนาจนั้นเพื่อสนองประโยชน์ของตน โดยสั่งเลื่อนการจัดการเลือกตั้ง หรือใช้อิทธิพลของตนในฐานะผู้ถืออานาจสูงสุดชักจูงหรือข่มขู่องค์กรอื่นให้หาทางเลื่อนการจัดการเลือกตั้งได้เสมอ

ด้วยเหตุผลดังที่ได้อธิบายนี้ พวกเราจึงยังขอยืนยันในข้อเรียกร้องเดิมว่า คสช. จะต้องยุติการดำรงอยู่ของตัวเอง และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องเปลี่ยนสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นจริง และจะไม่มีการสืบทอดอำนาจของ คสช.

นอกจากนี้ในวันนี้ ณ กองบัญชาการกองทัพบกแห่งนี้ พวกเราขอเรียกร้องต่อกองทัพแห่งราชอาณาจักรไทย เรียกร้องต่อทหารทุกนายไม่ว่าจะเหล่าใด ชั้นใด หรือยศใด ให้ยุติการสนับสนุน คสช. และระบอบรัฐประหารที่ปกครองประเทศอยู่ในปัจจุบันนี้เสีย เราได้เห็นตัวอย่างจากนานาอารยประเทศแล้วว่ากองทัพสามารถดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างมีศักดิ์ศรี การที่กองทัพกลายมาเป็นผู้ค้ำจุนความกระหายอานาจของนายทหารเพียงไม่กี่คน มีแต่จะทำให้กองทัพกลายเป็นที่รังเกียจของประชาชน และผู้ที่ต้องแบกรับความเสื่อมเสียที่ก่อโดยนายทหารเพียงไม่กี่คนนั้น ก็คือทหารทุกนายในประเทศนี้

เราหวังเป็นที่สุดว่าข้อเรียกร้องของเราในวันนี้จะถูกนำไปปฏิบัติ หาก คสช. และกองทัพต้องการให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และไม่คิดจะสืบทอดอำนาจเผด็จการจริง นี่คือวิธีการเดียวที่จะพิสูจน์ให้เห็นได้ แต่หากยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้อีก ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คสช. และกองทัพมีปณิธานที่จะแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้องจาก

เลือดเนื้อ หยาดเหงื่อ และน้ำตาของประชาชนอย่างเป็นการถาวร เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะกลับมาอีกครั้ง จะยกระดับการต่อสู้ให้สูงยิ่งกว่าแต่ก่อน เพื่อขับไล่พวกคุณออกไป

24 มีนาคม 2561.


อนึ่งในเวลา 19.30 น. ที่หน้ากองทัพบก ตำรวจได้เตือนให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมไปภายในเวลา 19.45 น. มิเช่นนั้นจะเปิดเครื่องขยายเสียงเพื่อให้ผู้ชุมนุมสลายตัว ขณะที่ผู้ชุมนุมยืนยันจะชุมนุมตามกำหนดการที่วางไว้คือจนถึงเวลา 20.00 น. จึงจะเลิกชุมนุม ทั้งนี้ยังตะโกนด้วยว่า "เลือกตั้ง เลือกตั้ง" โดยผู้ชุมนุมยังขอชุมนุมจนถึงเวลา 21.00 น. โดยระบุว่ายังเหลือคิวผู้ปราศรัยอีก 2 คน

กระทั่งในเวลา 20.12 น. รังสิมันต์ โรม แกนนำขึ้นปราศรัยคนสุดท้ายว่ากิจกรรมวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย แต่ขอให้ผู้กิจกรรมอย่าหยุดจนกว่าการเรียกร้องประชาธิปไตยคืนให้ประชาชนจะสำเร็จ ตอนหนึ่งเขากล่าวถึงจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" ว่าเพิ่งเจอตอนเขาไปเยี่ยมที่เรือนจำขอนแก่น โดยยกย่องความเป็นนักต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ จากนั้นผู้ชุมนุมได้ยุติการจัดกิจกรรมและออกจากพื้นที่เมื่อเวลา 20.30 น.


[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.