ภาพพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2561 ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

Posted: 11 Aug 2018 02:24 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-08-11 16:24


ปภ.แจ้งเตือน 49 จังหวัดทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก คลื่นลมแรง 13 - 16 ส.ค.นี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมจากพายุเซินติญยังคงมี 10 จังหวัด ด้านศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤตสรุปสถานการณ์น้ำมีพื้นที่ 7 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน 4 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่น้ำเกินเกณฑ์ ส่วนแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำโขงแนวโน้มดีน้ำลดระดับ

11 ส.ค. 2561 นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่ากองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้ติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง และสถานการณ์น้ำในหลายจังหวัดอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังและเพิ่มสูงขึ้น

โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าพายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน จะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 13 - 14 ส.ค. 2561 ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 13 - 16 ส.ค. นี้ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม รวมทั้งคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน คลื่นสูง 2 - 4 เมตร อ่าวไทยตอนบน คลื่นสูง 2 - 3 เมตร

สำหรับจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย 39 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

ส่วนจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง 10 จังหวัด แยกเป็น ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล จึงขอให้จังหวัดที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์

อธิบดี ปภ. ยังกล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัย จากอิทธิพลของพายุเซินติญว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 10 จังหวัด ได้แก่ นครพนม อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร กาฬสินธุ์ ยโสธร เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย และระนอง ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,631 ครัวเรือน 63,850 คน ซึ่ง ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
เผยแม่น้ำเพชรบุรีและโขงระดับน้ำแนวโน้มดี

ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต สรุปสถานการณ์น้ำและพื้นที่เสี่ยงสำคัญ พบว่าในช่วงวันที่ 13-16 ส.ค.นี้ ประเทศไทยจะยังมีฝนตกต่อเนื่อง โดยวันนี้ (11 ส.ค.) จะมีตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง 31 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี และนครสวรรค์ , ภาคตะวันออก จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด และภาคใต้ จังหวัดระนอง และพังงา

ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำเอ่อล้นตลิ่งและดินโคลนถล่มเป็นพิเศษ 7 จังหวัด ประกอบด้วย สกลนคร มุกดาหาร ปราจีนบุรี ตราด ระนอง พังงา และ สุราษฎร์ธานี

ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มีจำนวน 4 แห่ง คือ 1. เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ปริมาณน้ำ 731 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 103 น้ำล้นทางระบายน้ำ (Spillway) สูง 49 ซม. แนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างลดลง และจากการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศ อาจมีฝนตกมากขึ้นส่งผลให้น้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ สำหรับพื้นที่ท้ายน้ำยังอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง

2. เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำ 535 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 103 สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ยังคงปกติ คาดว่าจะไม่มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่มีน้ำล้นตลิ่ง 3. เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีปริมาณน้ำ 7,548 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 85 และ 4.เขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ มีปริมาณน้ำ 317 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 81 สภาพน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ ระดับน้ำในแม่น้ำปราณบุรีจะมีระดับค่อยๆสูงขึ้น ทั้งนี้ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำจากอัตราการระบายที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ลุ่มน้ำเพชรบุรี มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนแก่งกระจาน และไหลผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ลดลง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี มีแนวโน้มลดลงตามการระบายน้ำจากเขื่อน แต่ยังคงมีระดับสูง ส่วนแม่น้ำโขง ระดับน้ำลดลงปัจจุบันระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย [1] [2]

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.