พลเมืองเน็ตชี้คดี อ.ส.ฟ้องผู้ใช้เฟซบุ๊คหมิ่นเป็นเรื่องยาก เพราะแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะตามหาตัวจริง หากตามเรื่องไปถึงสหรัฐฯ ต้องให้ศาลที่นั่นตัดสินว่าข้อความหมิ่นจริงหรือไม่

กลุ่มอาสาสมัครรักษาดินแดน (อ.ส.) อำเภอจะนะ จ.สงขลา จำนวน 258 นาย เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธร อ.จะนะ เมื่อ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเอาผิดผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “สทิงพระ บ้านเรา” ในคดีหมิ่นประมาทและกระทำผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) หลังผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าวเผยแพร่ข้อความพาดพิงถึงกลุ่ม อ.ส.ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้

คดีนี้เป็นคดีแรกที่บุคลากรจำนวนมากภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐแจ้งความดำเนินคดีผู้ใช้เฟซบุ๊คโดยตรง โดยผู้กระทำผิดคดีหมิ่นประมาทมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ขณะที่ผู้กระทำผิดคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับเป็นเงินไม่เกิน 100,000 บาท

นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen) กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิพลเมืองออนไลน์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีในวันนี้ (1 เม.ย.) ว่าตนและผู้ที่สนับสนุนด้านสิทธิไม่เห็นด้วยกับการนำ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาใช้ฟ้องร้องในเรื่องนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบว่าจะตัดสินกรณีที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ หากเจ้าหน้าที่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็อาจจะมีการใช้มาตรา 18 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เพื่อขอข้อมูลจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในไทย เพื่อตามหาตัวผู้ใช้เฟซบุ๊คว่าเป็นใคร แต่โอกาสที่ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะระบุตัวผู้ใช้เฟซบุ๊คได้อย่างถูกต้องมีความเป็นไปได้น้อย โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊คไม่ได้ใช้ชื่อจริง ผู้ที่จะรู้ข้อมูลดังกล่าวมีแต่ผู้ให้บริการเฟซบุ๊ค แต่เฟซบุ๊คมีกฎการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ การขอข้อมูลจากทางเฟซบุ๊คต้องได้รับความเห็นชอบจากกระบวนการยุติธรรมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเฟซบุ๊คด้วย

ในกรณี อ.ส.ฟ้องผู้ใช้เฟซบุ๊ครายนี้ ถ้ามีการขอประสานความร่วมมือจากทางไทยไปถึงสหรัฐฯ ศาลหรือกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายตัดสินว่าการกล่าวหากันแบบนี้เป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เนื้อหาที่พูดเป็นการแสดงออกตามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ ถ้าศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายสหรัฐฯ ก็จะไม่ออกหมายศาลให้ และทางเฟซบุ๊คสามารถปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลกับทางการไทยได้

ส่วนการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แก่ผู้ใช้เฟซบุ๊คในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา เป็นการสอบสวนด้วยวิธีการอื่นๆ แทนการประสานงานไปยังเฟซบุ๊คเพื่อขอข้อมูลผู้ใช้โดยตรง เช่น การสอบปากคำผู้ที่เคยติดต่อสนทนากับผู้ใช้เฟซบุ๊ค รวมถึงการยึดคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อนำมาตรวจสอบข้อมูลประวัติการใช้งานอินเตอร์เน็ต

ขณะที่นายสมศักดิ์ ชูศรี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน อำเภอจะนะ จ.สงขลา ผู้นำกลุ่ม อ.ส.เข้าแจ้งความ ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบหาตัวผู้ถูกกล่าวหา และระบุว่าหากประชาชนมีเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ส. สามารถติดต่อยื่นเรื่องได้โดยตรงที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหรือจังหวัดทุกแห่ง แต่ไม่ควรเผยแพร่ผ่านช่องทางสาธารณะ และระบุว่าผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “สทิงพระ บ้านเรา” ได้โพสต์ข้อความกล่าวหากลุ่ม อ.ส.ว่ากร่างและวางอำนาจหลังมีมาตรา 44 โดยระบุว่าที่จริงพวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาซึ่งไร้หนทางไปทำงานอื่น ไม่มียศและหนทางก้าวหน้า ที่ภาคใต้จึงตายบ่อยเพราะโง่ ฝึกมาน้อย


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.