เครือข่ายเยาวชนเตรียมรณรงค์ทวงคืน “ม.ปลายที่หายไป”
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ สมาชิกกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท และเครือข่าย ในฐานะเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยเมื่อ 31 มี.ค. ว่าทางเครือข่ายจะจัดการรณรงค์ในเร็ว ๆ นี้เพื่อเรียกร้องสิทธิทางการศึกษาของเยาวชนที่หายไปจากร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ภายหลังจากมีการรณรงค์ทางเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า “เอา ม.ปลายฟรีของเราคืนมา” เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ข้อความในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มาตรา 54 ระบุว่ารัฐจะต้องจัดการศึกษาแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ ทำให้เด็กมีสิทธิเข้ารับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือใช้สิทธิเรียนฟรีได้ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมต้นเท่านั้น ต่างจากรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ระบุเพียงว่ารัฐจะต้องจัดการศึกษาแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 12 ปี จึงเปิดช่องให้เด็กใช้สิทธิเรียนฟรีได้ตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลายหรืออาชีวะ
แม้ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จะมีการบัญญัติให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่ออุดหนุนผู้ขาดแคลนโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แต่นายพริษฐ์ระบุว่า การจัดตั้งกองทุนฯ ตามข้อความในร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่อาจลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้หากไม่มีการจัดสวัสดิการอย่างทั่วถึง
ขณะที่ รศ. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่ใช่ทุกประเทศในโลกที่ให้การศึกษาฟรี แต่ประเทศที่ให้ความสำคัญกับการ “สร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ” เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการผลิต สร้างนวัตกรรมและพัฒนาประเทศ ย่อมยินดีจ่ายให้เยาวชนได้เรียนฟรีสูงสุดเท่าที่จะทำได้ การศึกษาระดับ ม.ปลาย ไม่ใช่เพื่อการทำมาหากินของบุคคลนั้น ๆ เพียงอย่างเดียว แต่จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาประเทศ ยิ่งคนมีความรู้ มีทักษะ มีวิจารณญาณและการใช้เหตุผลมาก ย่อมสร้างผลกระทบเชิงบวกภายนอก (Positive Externality) ให้แก่ประเทศโดยรวม
"ขณะที่การพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนเป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ในสถานศึกษา การพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กวัยนี้ ควรทำโดยรัฐจัดให้มีสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ สื่อสร้างสรรค์ และอื่น ๆ ซึ่งต้องมาจากการบูรณาการของกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ใช่จากงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการเพียงฝ่ายเดียว"
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.