วัฒนธรรมนอนกลางวันของชาวสเปนมาถึงจุดจบแล้วหรือ?
ชาวสเปนจำนวนมากแสดงความยินดีที่ได้ทราบข่าวว่านายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย ประกาศข้อเสนอให้ยกเลิกวัฒนธรรมการงีบหลับตอนกลางวัน 2 ชั่งโมงที่เรียกว่า “เซียสตา” เพื่อให้พนักงานเลิกงานเวลา 6 โมงเย็นแทนที่จะเป็นเวลา 1 ทุ่มหรือหลังจากนั้น ซึ่ง เจมส์ แบดค็อก ผู้สื่อข่าวบีบีซี บอกว่า ธรรมเนียมการนอนกลางวันดังกล่าวเป็นปัญหาหนักใจสำหรับบรรดาผู้ปกครองมานาน เพราะชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานทำให้พวกเขาไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ
คริสตินา มาตาร์แรนซ์ คุณแม่ลูกสองจากกรุงมาดริด บอกว่า ครอบครัวของเธอสนับสนุนข้อเสนอการเปลี่ยนชั่วโมงทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการที่สามีของเธอต้องทำงานตามชั่วโมงทำงานปกติในสเปน คือ 9 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม โดยมีช่วงพักเที่ยง 2 ชั่วโมงระหว่างบ่าย 2 ถึง 4 โมงเย็นนั้น ทำให้ลูกๆแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อเลย แม้แต่ครูที่โรงเรียนลูกยังคิดว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะสามีของเธอไม่เคยได้มีเวลาไปรับลูก หรือร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนลูกเลย
นอกจากคริสตินาแล้ว ผู้ปกครองรายอื่นก็ประสบปัญหาเดียวกัน บางคนต้องใช้เวลาช่วงพักเที่ยง 2 ชั่วโมงตระเวนขับรถพาลูกไปฝากไว้ตามสถานรับเลี้ยงเด็ก แล้วกลับไปทำงานต่อ บางคนอยากรีบทำงานให้เสร็จเพื่อจะได้เลิกงานเร็วแล้วใช้เวลาอยู่กับลูกแต่ไม่สามารถทำได้เพราะคนที่ติดต่องานด้วยมักเริ่มงานสายและพักกลางวันเป็นเวลานาน
โฮเซ หลุยส์ คาเซโร แกนนำการเรียกร้องให้เปลี่ยนตารางเวลาทำงานบอกว่า นอกจากปัญหาเศรษกิจซบเซาแล้ว ตารางการทำงานที่ยาวนานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราการเกิดในสเปนอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะผู้คนเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเสนอให้รัฐบาลใช้วิธีลดหย่อนภาษีเพื่อจูงใจให้นายจ้างหันมาใช้ตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น และให้เพิ่มจำนวนสถานรับเลี้ยงเด็ก รวมทั้งให้โรงเรียนเริ่มทำการเช้าขึ้นกว่าเดิม
หนึ่งในแนวทางที่นายกรัฐมนตรีราฮอย เสนอในการแก้ไขปัญหานี้ คือการปรับเวลาของสเปนให้ช้าลง 1 ชั่วโมง เพื่อให้เท่ากับเวลาในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ เพราะหากพิจารณาจากเส้นแบ่งเขตเวลามาตรฐานกรีนิชจะพบว่าสเปนอยู่ในเขตเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นจะทำให้สเปนกลับไปใช้เวลาเดิมที่เคยใช้ก่อนปี ค.ศ.1942 ซึ่งตอนนั้นจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก อดีตผู้นำเผด็จการได้ปรับไปใช้เวลาตามเขตเวลายุโรปกลางเพื่อแสดงความสวามิภักดิ์ต่อฮิตเลอร์


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.