Atukkit Sawangsuk

นี่เขียนลงข่าวสดไปก่อนแล้ว ว่าด้วยความเกลียดคณะราษฎรของสลิ่ม ซึ่งเกิดจากความเกลียดเสื้อแดง เมื่อเสื้อแดงย้อนไปยกย่องเชิดชู 2475 สลิ่มก็ตามไปเกลียด เพียงแต่ที่ไม่อยากพูดในทีวีกลัวใช้ถ้อยคำผิด คือตอนเสนอชื่อปรีดี 100 ปีขาตกาล รัฐบาลบิ๊กจิ๋วเสนอพระนามสมเด็จย่าเป็นลำดับที่ 1 แล้วเสนอปรีดีเป็นลำดับที่ 2 ซึ่งก็ไม่ได้มีบรรดาผู้จงรักภักดีคัดค้านแต่อย่างใด (มีบางคนขัดขวาง แต่ขวางโดยส่วนตัว) ยูเนสโกจะไม่ให้เพราะปกติเขาให้ประเทศละคนต่อปี ก็ยังไปล็อบบี้จนได้ คือช่วงยุคสมัยจาก 2524-2549 มันเป็นยุคของระบอบประชาธิปไตยใต้อำนาจนำ ที่มั่นคงรุ่งเรือง (แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงจากครึ่งใบไปยุคน้าชาติเกิดรัฐประหาร รสช.และเกิด พค.35 มาสู่นายกฯ เลือกตั้ง) จนมาเกิดไล่ทักกี้และรัฐประหารนี่แหละ ถึงแตกแยกกันจนหาที่ลงไม่เจอ

สถานการณ์ใน 3 ปีที่ผ่านมา แบ่งพันธมิตรนกหวีดเป็น 2 ปีก หนึ่งคือสลิ่มจารีตนิยมสุดโต่งแน่วแน่ หนึ่งคือพวกภาคประชาสังคม NGO นักวิชาการ คนตุลา ศิลปิน นักเขียน ที่เคยสมาทานประชาธิปไตย+เพื่อชีวิต รักปรีดี รักป๋วย ชูสิทธิชุมชน แต่เกลียดประชาธิปไตยเลือกตั้ง เรียกร้องเสรีภาพชุมนุมสำหรับตัวเอง ค้านเขื่อน ค้านโรงไฟฟ้า แต่ห้ามพวกแดง พวกทักษิณ พวกเรียกร้องประชาธิปไตย สำหรับพวกเราขอให้ยุติธรรม สำหรับพวกแม้วเอามันให้ตาย ฯลฯ พวกนี้หาที่ยืนยากขึ้นทุกที จะแสดงท่าทีแต่ละเรื่องก็ลำบากยากเข็ญขึ้นทุกวัน แถมเจอยุครัฐราชการเป็นใหญ่ พลังอนุรักษ์เข้มแข็ง เพราะตัวเองปลุกมาแท้ๆ แต่พวกกรูผิดไม่ได้ ยังไงต้องถูกเสมอ จะกลับลำเหรอ ไม่มีทาง ก็ด้นกันไป อย่างเรื่องหมุด ส่วนใหญ่อึดอัดใจแต่เก็บปาก กลัวกระทบอำนาจ เดี๋ยวคุยกันไม่ได้ กลัวขัดใจสลิ่มเดี๋ยวเสียแม่ยก มีแต่ส่วนน้อยที่แสดงท่าที

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.