เด็ก ๆชาวจีน ผู้ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง
สภาพเศรษฐกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนทำให้ประเทศก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ทว่าความเจริญก้าวหน้านี้กลับต้องแลกมาด้วยความทุกข์ใจของบรรดา“เด็กผู้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง” ซึ่ง จอห์น ซัดเวิร์ธ ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่า เด็กกลุ่มนี้คือลูกของแรงงานชาวจีนที่อพยพเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่และไม่สามารถพาลูกไปอยู่ด้วยกันได้ ทำให้เด็กๆถูกทอดทิ้งให้ต้องใช้ชีวิตอยู่กับปู่ย่าตายาย ขณะที่บางรายต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง
ผู้สื่อข่าวบอกว่า ปัญหา“เด็กผู้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง” เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมจีนยุคปัจจุบันที่คนหนุ่มสาวจากชนบทต้องเข้าไปใช้แรงงานตามเมืองใหญ่แล้วทิ้งให้ลูกอยู่กับปู่ย่าตายาย เพราะกฎหมายของจีนยังไม่อนุญาตให้บุตรของแรงงานต่างถิ่นเข้าไปใช้สวัสดิการสังคมต่างๆ เช่น บริการด้านการศึกษา และสาธารณสุขในเมืองที่พวกเขาเข้าไปทำงาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปัจจุบันมีเด็กจีนกว่า 60 ล้านคน หรือมีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 5 ของเด็กในจีนต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อแม่
ปัญหานี้ยังเคยถูกสื่อของทางการจีนหยิบยกขึ้นมารายงานเมื่อปีก่อน หลังจากเกิดเหตุพี่น้อง 5 คนฆ่าตัวตายด้วยการกินยาฆ่าแมลงเพราะพ่อแม่ต้องไปทำงานต่างเมืองแล้วทิ้งพวกเขาเอาไว้เบื้องหลัง
ผู้สื่อข่าวบีบีซี ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับเด็กๆที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเหล่านี้ หนึ่งในนั้นคือ ด.ช.ถัง หยูเหวิน อายุ 12 ปี ซึ่งอาศัยอยู่กับย่า น้องชาย และลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คนในห้องพักเล็กๆในเขตซีเซียน มณฑลเสฉวน เด็กชายเล่าว่าพ่อแม่ของเขาเข้าไปทำงานที่โรงงานสิ่งทอ ในนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน และจะกลับไปเยี่ยมเขาปีละไม่กี่ครั้ง แม้จะเข้าใจดีว่าพ่อแม่ต้องไปทำงานหาเงิน แต่เด็กชายบอกว่ารู้สึกเจ็บปวดใจที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว
เรื่องราวของ ด.ช.ถัง หยูเหวิน ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเด็กแถวนั้น เพราะโรงเรียนประถมที่เขาเรียนอยู่มีเด็กนักเรียนราว 80% ที่ประสบชะตากรรมเดียวกับเขา ขณะที่บางคนไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้องจะไปอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ด.ญ.เถา หลาน วัย 14 ปีที่อาศัยอยู่ตามลำพังกับน้องชายวัย 11 ขวบ ในกระท่อมเล็กๆ ในมณฑลกุ้ยโจว พ่อแม่ของพี่น้องคู่นี้ต้องไปทำงานต่างเมืองและจะกลับไปเยี่ยมพวกเขาปีละครั้ง ผู้สื่อข่าวบอกว่า จีนมีเด็กกว่า 2 ล้านคนที่ถูกทอดทิ้งให้ใช้ชีวิตตามลำพังโดยไม่มีญาติพี่น้องคอยให้ความช่วยเหลือ
ด้านรัฐบาลจีนได้ทราบปัญหานี้ดี และประกาศจะทำการสำรวจจำนวนเด็กที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นคอยสอดส่องดูแลสวัสดิภาพของเด็กๆเหล่านี้ ขณะที่พ่อแม่ของด.ช.ถัง หยูเหวิน บอกว่าเป็นห่วงลูกมาก และอยากรับลูกไปอยู่ด้วยกัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะติดระเบียบข้อบังคับของทางการ
ผู้สื่อข่าวบอกว่า แม้ปัจจุบันจะมีการพูดถึงเรื่องปฏิรูประบบการทำทะเบียนราษฎร์ของจีนที่จะเปิดทางให้แรงงานต่างถิ่นพาลูกจากชนบทเข้าไปอาศัยอยู่ด้วยกันในเมืองที่พวกเขาทำงานอยู่ แต่ก็คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนาน และอาจไม่บังคับใช้กับเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และนครเฉิงตู ซึ่งมีประชากรหนาแน่นอยู่แล้ว


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.