Posted: 31 Mar 2017 09:12 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แดงล่มสลายไม่ใช่เพราะกำลังเข้มแข็งกว่าของฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว แต่เพราะขาดสรุปบทเรียนเกี่ยวกับ ทักษิณ แนะเลิก "ก้าวข้ามทักษิณ" ด้วยการไม่พูดถึง แต่ต้อง "วิพากษ์ทักษิณ" อย่างตรงไปตรงมา และเดินหน้าต่อไปได้
แฟ้มภาพ ประชาไท
31 มี.ค.2560 หลังจากวันนี้ ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ระบุว่าตัวเอง หยุดแล้ว พร้อมตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจว่าไม่ควรใช้อภินิหารและกระทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดตนเพียงคนเดียว โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม และต้องไม่เลี้ยงไข้ความขัดแย้ง ให้ยืดเยื้อ เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 20.38 น.ที่ผ่านมา พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะ ถึงทักษิณและขบวนเสื้อแดง โดยระบุว่า ความล่มสลายของขบวนเสื้อแดง เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามมีกำลังเข้มแข็งกว่านั้นเป็นความจริง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะสาเหตุหนึ่งคือการไม่ยอมสรุปบทเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทเรียนเกี่ยวกับ ทักษิณ โดยยกตัวอย่าง กรณีทักษิณใช้มวลชนไปกดดันแลกกับการเกี้ยเซี้ยจากอีกฝ่าย จากการประกาศสลายขบวนคนเสื้อแดงกลางราชประสงค์เมื่อ พ.ค. 55 หรือการพยายามอีกครั้งด้วย พ.ร.บ.ปรองดองฉบับลักหลับปี 56 ก่อให้เกิดความแตกแยกรุนแรงภายในขบวนคนเสื้อแดง
"วันนี้ จึงไม่ใช่ก้าวข้ามทักษิณ ด้วยการไม่พูดถึง แต่ต้องวิพากษ์ทักษิณอย่างตรงไปตรงมา ถอดถอนบทเรียน จึงจะเดินหน้าต่อไปได้" พิชิต ระบุท้ายโพสต์ดังกล่าว
โดยมีรายละเอียดดังนี้
หลายคนเชื่อว่า ความล่มสลายของขบวนเสื้อแดงเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามมีกำลังเข้มแข็งกว่าอย่างเทียบไม่ได้ ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ไม่ทั้งหมด
สาเหตุสำคัญอีกข้อที่ทำให้ขบวนเสื้อแดงพ่ายแพ้คือ การไม่ยอมสรุปบทเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทเรียนเกี่ยวกับ ทักษิณ ชินวัตร
ทักษิณ มีฝีมือบริหารอย่างมาก สร้างประโยชน์แก่ประชาชนไว้หลายเรื่อง แต่หลังรัฐประหารปี 2549 ถึงปัจจุบัน ทักษิณ เข้าขั้น "ห่วยแตกและทรยศต่อประชาชน" คือ ใช้ประโยชน์จากมวลชนที่สู้จนติดคุกบาดเจ็บล้มตายหลายพันคนเมื่อปี 53 เอาพลังมวลชนไปกดดันให้อีกฝ่ายจำยอมเกี้ยเซี้ย โดยนึกไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะใช้กำลังฆ่าปชช.ตายเป็นเบือ ก็เพราะนึกไม่ถึง แกจึงได้กล้าพูดว่า "ถ้าเมื่อไหร่เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯทันที!"
แต่พอแพ้ปี 53 ทักษิณก็กลับลำ จากเอามวลชนไปกดดัน ก็เปลี่ยนเป็นเอามวลชนไปขาย แลกกับการเกี้ยเซี้ยจากอีกฝ่าย ประกาศสลายขบวนคนเสื้อแดงกลางราชประสงค์เมื่อ พ.ค.55 ("พี่น้องไม่ต้องแบกเรือมาขึ้นบกตามผม") ไปแลกกับการประนีประนอมจากฝ่ายนั้นในรูป พ.ร.บ.ปรองดอง ครั้งที่หนึ่ง ซึ่งล้มเหลว
แต่ก็พยายามอีกครั้งด้วย พ.ร.บ.ปรองดองฉบับลักหลับปี 56 ก่อให้เกิดความแตกแยกรุนแรงภายในขบวนคนเสื้อแดง ก็เพื่อแลกกับการเกี้ยเซี้ยจากฝ่ายนั้นอีกครั้ง พอเกิด กปปส. ก็ระดมคนเสื้อแดงซึ่งกำลังแตกแยกออกมาปกป้องรัฐบาลยี่งลักษณ์อีก แต่ไม่คิดจะปกป้องคนเสื้อแดงเหล่านั้น จนมีคนบาดเจ็บและตายเพิ่มอีกที่สนามกีฬาราชมังคลา
สำหรับทักษิณ มวลชนเสื้อแดงก็เป็นเพียง "เบี้ยในมือ" เอาไว้บลัฟ เอาไว้ต่อรองกับอีกฝ่าย และถ้าได้ "ดีล" เหมาะ ๆ มีสิ่งแลกที่คุ้มค่า ก็พร้อมที่จะ "โยนไปแลก" เหมือนกับวิธีต่อรองทางธุรกิจนั่นแหละ
วันนี้ บ้านเมืองกลายเป็นเผด็จการทหารที่เลวร้ายที่สุด ประเทศถอยหลังตกต่ำเสียหายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีนักโทษการเมืองและคดีการเมืองเพิ่มเป็นทวีคูณ ทักษิณมีส่วนรับผิดชอบอย่างสำคัญและปฏิเสธไม่ได้
วันนี้ จึงไม่ใช่ "ก้าวข้ามทักษิณ" ด้วยการไม่พูดถึง แต่ต้อง "วิพากษ์ทักษิณ" อย่างตรงไปตรงมา ถอดถอนบทเรียน จึงจะเดินหน้าต่อไปได้
แสดงความคิดเห็น