ภาพคุณแม่ระหว่างฝึกให้นมเด็ก (ที่มา: UNICEF Ukraine)

Posted: 09 Jul 2018 11:39 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ตัวแทนสหรัฐฯ ขวางมตินานาชาติที่ให้เด็กดื่มนมแม่ในที่ประชุมขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทั้งยังข่มขู่ตัวแทนประเทศที่สนับสนุนข้อเสนอจนผู้แทนรัสเซียต้องเข้ามาแก้เกม หลายกลุ่มมองว่าการขัดขวางดังกล่าวเป็นความพยายามปกป้องอุตสาหกรรมนมผงยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ที่โยงใยกับรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

10 ก.ค. 2561 ในการประชุมประจำปีขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ เผชิญหน้ากับนานาประเทศ นั่นคือประเด็นที่สหรัฐฯ คัดค้านมติของประเทศอื่นๆ ที่ส่งเสริมการให้นมแม่ในเด็กและจำกัดการโฆษณาสรรพคุณของนมอื่นๆ ที่ใช้แทนนมแม่เกินจริงหลังจากที่มีงานวิจัยออกมาหลายงานวิจัยระบุว่านมแม่เป็นนมที่ดีที่สุขภาพเด็กที่สุด

เดิมทีแล้วมีการคาดการณ์ว่ามติเรื่องนมแม่นี้จะผ่านร่างได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าตัวแทนที่เข้าประชุมจากสหรัฐฯ ก็คัดค้านเรียกร้องให้แก้ภาษาในร่างมตินี้โดยนำวลีที่ว่า "คุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนการให้นมแม่ (protect, promote and support breast-feeding)" ออก ซึ่งเป็นไปได้ว่าน่าจะเพราะต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มบรรษัทธุรกิจนมผง

นิตยสารไทม์รายงานว่า เมื่อการคัดค้านไม่สำเร็จ ตัวแทนจากสหรัฐฯ ได้หันมาใช้วิธีการขู่ประเทศอื่น เช่น ขู่เอกวาดอร์ที่วางแผนเสนอมตินี้ว่าถ้าพวกเขาไม่ยกเลิกข้อเสนอนี้สหรัฐฯ จะ ลงโทษพวกเขาด้วยการปรับมาตรการทางการค้าและลดความช่วยเหลือทางทหารในการปราบปรามความรุนแรงจากแกงค์อาชญากรรม ทำให้ตัวแทนจากเอกวาดอร์และผู้รณรงค์ด้านสุขภาวะมีความยากลำบากในการหาผู้สนับสนุนรายอื่นๆ ต่อมตินี้ การข่มขู่เช่นนี้ได้รับการยืนยันจากตัวแทนคนอื่นๆ ที่ขอสงวนไม่ออกนามเนื่องจากกลัวการตอบโต้จากสหรัฐฯ

แพตตี รันดัลล์ ผู้อำนวยการนโยบายของกลุ่มรณรงค์เรื่องนมแม่ 'เบบีมิลค์แอ็คชัน' กล่าวว่า สิ่งที่ตัวแทนสหรัฐฯ ทำถือเป็นการขู่กรรโชกหรือแบล็กเมล์ เหมือนว่าสหรัฐฯ กำลังจับหลายประเทศในโลกเป็นตัวประกันเพื่อพยายามยับยั้งมติที่จะออกมาคุ้มครองสุขภาพเด็กอ่อน

ทางการเอกวาดอร์กล่าวถึงการขู่ของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง "พวกเราไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องที่ดูเป็นประเด็นเล็กๆ อย่างการให้นมเด็กจะกระตุ้นให้เกิดการโต้ตอบอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์เช่นนี้ได้"

เรื่องนี้ทำให้ตัวแทนจากรัสเซียเข้ามานำเสนอมาตรการข้างต้นในท้ายที่สุด โดยไม่ถูกตอบโต้จากสหรัฐฯ ตัวแทนจากรัสเซียกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้อยากเล่นบทฮีโร่พวกเขาแค่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องผิดที่ประเทศใหญ่ๆ พยายามบีบเค้นประเทศเล็กๆ ในประเด็นที่มีความสำคัญกับทั้งโลก

สุดท้ายแล้ว ร่างมติดังกล่าวก็มีข้อความแบบเดิมแทบจะทั้งหมด ยกเว้นแต่ว่ามีข้อความส่วนหนึ่งถูกตัดออกไปคือข้อความที่ระบุให้ประเทศสมาชิกพยายามยับยั้ง "การโฆษณาอย่างไม่เหมาะสมเกี่ยวกับอาหารสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก (inappropriate promotion of foods for infants and young children,)" โดยกลุ่มเครือข่ายคุณแม่ออนไลน์ 'มัมส์ไรส์ซิง' กล่าวว่า การแสดงออกของตัวแทนสหรัฐฯ ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องประหลาดและน่าอับอาย

วารสารแลนเซตเคยนำเสนอผลการศึกษาเมื่อปี 2559 ว่าการให้นมแม่จะช่วยชีวิตเด็กได้ 823,000 ราย และช่วยชีวิตแม่ 20,000 ราย ต่อปี นอกจากนี้ยังจะลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจำนวน 300,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าหากมีการให้นมแม่กันทุกครัวเรือนและจะช่วยส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ (economic prospect) สำหรับเด็กด้วย

ตลาดอาหารเด็กทารกเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนมากผู้ผลิตมักจะเป็นแค่กลุ่มบรรษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่บรรษัทที่มีฐานในสหรัฐฯ และยุโรป สื่อเดอะการ์เดียนระบุว่า หนึ่งในบรรษัทยักษ์ใหญ่ด้านนี้คือแอบบ็อตนูทรีชัน เคยเป็นผู้บริจาคให้กับพิธีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือน ม.ค. 2560

ลูซี ซัลลิแวน ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรส่งเสริมโภชนาการเด็ก 1,000 Days ระบุว่าการโต้ตอบของสหรัฐฯ ในที่ประชุมนับได้ว่าเป็นประเด็นของ "การสาธารณสุขปะทะกับผลกำไรของเอกชน" โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคือคนที่ให้นมลูกจากอกกับชีวิตของเด็ก กับคนที่กลัวจะเสียผลประโยชน์อย่างธุรกิจนมผงเด็กทารก

ข่าวสืบสวนสอบสวนของเดอะการ์เดียนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเผยให้เห็นว่าบรรษัทนมผงสำเร็จรูปใช้วิธีการรุกล้ำในการแก้ไขกฎหมายเพื่อบีบเค้นให้แม่และคนทำงานด้านสาธารณสุขต้องเลือกนมผงแทนการให้นมแม่ มาตรการเช่นนี้ยังมีการนำไปใช้กับกลุ่มประเทศที่ยากจนที่ธุรกิจนมผงจากสหรัฐฯ พยายามจะไปเติบโตที่นั่นด้วย

เรียบเรียงจาก

U.S. Delegates Opposed an International Resolution That Supported Breastfeeding, Fortune, Jul 8, 2018

Trump administration's opposition to breastfeeding resolution sparks outrage, The Guardian, Jul 8, 2018

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.