Posted: 19 Jul 2018 09:53 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-07-19 23:53


ที่ปรึกษาอาวุโสแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนลบอกให้กองทัพสัมพันธมิตรที่สหรัฐอเมริกาลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเองบ้าง หลังมีรายงานของแอมเนสตี้ฯ เปิดเผยว่ามีพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศช่วงปี 2560 ที่เมืองอัลรัคคา เมืองที่กลุ่มไอซิสเคยยึดครอง

แฟ้มภาพกองกำลังชาวเคิร์ด (SDF) ที่ปฏิบัติการยึดเมืองอัลรัคคาคืนจากกลุ่มไอซิสได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 โดยปัจจุบัน SDF เป็นฝ่ายครอบครองเมืองอัลรัคคา (แฟ้มภาพ/เมษายน 2561/Qasioun News Agency)

18 ก.ค. 2561 สื่ออัลจาซีรารายงานว่ารัฐบาลกลุ่มประเทศสัมพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างจริงจังเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขพลเรือนผู้เสียชีวิตจากสาเหตุปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามหรือไอซิสในเมืองอัลรัคคาเมื่อปี 2560

องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนลแถลงเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ประณามจุดยืนของสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมรับว่ามีพลเรือนเสียชีวิตจากปฏิบัติการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้แอมเนสตีเคยออกรายงานเมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาระบุถึงตัวเลขพลเรือนผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของไอซิส

ดอนนาเทลลา โรเวรา ที่ปรึกษาอาวุโสของแอมเนสตี้ฯ แถลงว่าการกล่าวตอบโต้แบบไม่ทันได้คิดของประเทศสัมพันธมิตรมีการใช้แต่ "โวหาร" และแทบจะไม่มีเนื้อหาอะไรเลย มันยิ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาแค่ต้องการบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับความล้มเหลวในการที่จะปกป้องคุ้มครองพลเรือนท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรีย และตราบใดที่กลุ่มประเทศเหล่านี้ไม่เรียนรู้ความผิดพลาดจากปฏิบัติการในอัลรัคคาและจากในอัฟกานิสถานก่อนหน้านี้ พวกเขาก็อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีกจนพลเรือนกลายเป็นผู้สูญเสียอีก

แอมเนสตี้ฯ เคยให้กลุ่มนักวิจัยไปลงพื้นที่ที่ถูกโจมตีทางอากาศโดยกลุ่มสัมพันธ์มิตร 42 แห่งในเมืองอัลรัคคา และรวบรวมข้อมูลเป็นรายงานที่ชื่อ "สงครามแห่งการทำลายล้าง ความเสียหายต่อพลเรือนใน อัลรัคคา ซีเรีย" ในรายงานระบุว่ามีพลเรือนหลายร้อยรายถูกสังหารในช่วงที่มีปฏิบัติการสู้รบระหว่างประเทศสัมพันธมิตรกับไอซิสในอัลรัคคา

แต่กลุ่มสัมพันธมิตรก็โต้ตอบรายงานฉบับดังกล่าวโดยระบุว่าพวกเขา "มองว่าการบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ที่ไม่ได้ร่วมสู้รบใดๆ ก็ตามนับเป็นโศกนาฏกรรม" และระบุว่าพวกเขามีกระบวนการที่ทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียดังกล่าว

แถลงการณ์ของกลุ่มสัมพันธมิตรระบุอีกว่ากลุ่มของพวกเขา "มีความโปร่งใสเกี่ยวกับกระบวนการโจมตีมาโดยตลอดและมีการประเมินความเป็นไปได้ว่าจะมีความเสียหายต่อพลเรือนที่อาจจะเกิดขึ้นได้"

ฌอง ไรอัน โฆษกของทีมกองกำลังสัมพันธมิตร ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่าทางแอมเนสตี้ฯ ไม่ได้ขอคำปรึกษาใดๆ จากพวกเขาหรือไม่ใช้ข้อมูลจากพวกเขาเลยในตอนที่เขียนรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่เน้นให้เห็น "โศกนาฏกรรมของสงครามและความโหดร้ายจากน้ำมือพวกดาอิช (ชื่อที่ผู้นำตะวันตกบางส่วนเรียกกลุ่มไอซิส)" ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ทางอีเมลต่ออัลจาซีราเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ไรอันระบุว่าทางประเทศสัมพันธมิตรพร้อมจะพิจารณาหลักฐานใหม่ในการประเมินความเสียหายต่อพลเรือนอีกครั้ง โดยจะมีการเผยแพร่รายงานจำนวนความเสียหายต่อพลเรือนเพื่อโต้ตอบกับรายงานของแอมเนสตีภายในวันที่ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้

ในรายงานเมื่อเดือนมิถุนายนของแอมเนสตี้ฯ เก็บข้อมูลจากพลเรือน 112 รายจากอัลรัคคา พวกเขาเล่าถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อครอบครัวของพวกเขาถูกสังหารในช่วงที่มีการโจมตี โดยเป็นปฏิบัติการร่วมกับกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดที่ต่อต้านกลุ่มไอซิส

โดยแอมเนสตี้ฯ รวบรวมข้อมูลได้ว่ามีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการครั้งนี้หลายร้อยรายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายพันราย ตรงกันข้ามกับที่กลุ่มสัมพันธมิตรระบุไว้ว่ามีพลเรือนเสียชีวิตเพียง 23 ราย จากการโจมตีด้วยอาวุธปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ ซึ่งแอมเนสตีวิพากษ์วิจารณ์ว่า "ทั้งไม่แม่นยำ ไม่น่าเชื่อถือ และไม่จริงจัง" เป็นตัวเลขที่ไม่ได้มีการสืบสวนในระดับภาคพื้นดิน

กองกำลัง SDF เป็นกองกำลังที่ร่วมมือต่อสู้กลุ่มไอซิสในระดับภาคพื้นดิน เคยส่งจดหมายถึงกลุ่มสัมพันธมิตรวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติการของพวกเขาว่าเป็น "ความผิดพลาด" และเป็น "ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่ไม่ประสบความสำเร็จ" โดยส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตผู้คนและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลบนภาคพื้นดิน

โรเวรายังได้แถลงโต้ตอบกลุ่มสัมพันธมิตร โดยเรียกร้องให้พวกเขารักษามาตรฐานด้วยการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนความเสียหายต่อพลเรือนบนภาคพื้นดินจริงๆ และให้การชดเชยแก่เหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ

เรียบเรียงจาก

Amnesty: US-led coalition in denial over civilian deaths in Raqqa, Aljazeera, Jul. 17, 2018
ข่าว
ต่างประเทศ
ความมั่นคง

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.