Posted: 17 Jul 2018 09:04 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

จากใจคนจร ในวาระงาน 100 ปีชาตกาล ครูไพบูลย์ บุตรขัน และ 20 ปี หนังสือ คีตกวีลูกทุ่ง เขียนโดย วัฒน์ วรรลยางกูร

เมื่อหนังสือที่ได้ทุ่มเทแรงงานสมองเขียนไว้ ได้กลับมาพิมพ์ซ้ำอีก ย่อมทำให้ได้ทั้งความสุขทางใจ และความอิ่มท้องทางปัจจัย นับตั้งแต่พิมพ์พ็อกเกตบุ๊คเล่มแรกในวัย 20 ปี จนถึงวันนี้ในวัยเลยเกษียณ ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยการเขียนหนังสือ ไม่ต้องการเป็นอะไรอื่นมากกว่านี้ (มีบางทีพูดอำคนฟังว่า อยากเป็นประธานาธิบดี เพราะเบื่อราชาธิปไตยเต็มที)

นักเขียนต้องอยู่ได้ด้วยการเขียนหนังสือ และขายหนังสือ เช่นเดียวกับแม่ค้าข้าวแกงต้องอยู่ได้ด้วยการขายข้าวแกง ข้าวแกงต้องมีคุณประโยชน์และอร่อย ลูกค้าจึงอุดหนุนต่อเนื่อง

ถ้าสังคมไทยปกติ ไม่วิปริตผิดเพี้ยน ไม่ตรรกะวิบัติ ไม่หลงมายาคติ ไม่บ้าคลั่งงมงาย ไม่ประจบผู้มีอำนาจ ไม่สอพลอผู้ชนะในกระแสเฉพาะหน้า

นักเขียนที่สร้างงานด้วยแรงงานสมองอย่างมีมาตรฐานของตัวเองย่อมสามารถอยู่ได้อย่างเสรีชน ในอดีตมีตัวอย่างมาแล้ว เช่น ยุคของ ศรีบูรพา ยาขอบ ไม้ เมืองเดิม สร้างงานคุณภาพและอยู่ได้อย่างเสรีชน โดยไม่ต้องไปชะเง้อชะแง้รอคอยอภินิหาร หรือฟ้าประทานมาช่วยที่ไหนเลย

ในวาระครบ 20 ปี หนังสือคีตกวีลูกทุ่ง ไพบูลย์ บุตรขัน และเป็นการพิมพ์ซ้ำครั้งที่ 5 ผมขอยืนยันมาตรฐานว่า หนังสือหนาราว 600 หน้าเล่มนี้ เป็นหนังสือที่ควรมีอยู่ทุกบ้าน...ทุกบ้านที่มีดนตรี มีกวี และมนุษยธรรมอยู่ในหัวใจ

เมื่อนักเขียนอยู่ได้ด้วยการเขียน และการขายหนังสือ โดยความเมตตาของผู้อ่านที่เป็นวิญญูชน นักเขียนย่อมยืนหยัดมั่นคงอยู่อย่างเสรีชน ทำงานอย่างซื่อสัตย์ต่อตนเอง และจริงใจต่อผู้อ่าน

สี่ปีกว่าที่ต้องพลัดที่นา คาที่อยู่ ย่อมคิดถึงบ้าน แต่ผมไม่คิดกลับบ้าน บ้านเมืองที่ป่าเถื่อน เพียงคนคิดต่าง ก็ถูกไล่ออกจากบ้านเป็นหมูหมา และขนาดหนีออกจากบ้านแล้ว ยังตามไล่ล่า

ความคิดอยากกลับบ้านเพิ่งมาเกิดขึ้นสอง - สามวันนี้ เมือได้เห็นหมายงาน 100 ปี ชาตกาลครูไพบูลย์ และ 20 ปี หนังสือ คีตกวีลูกทุ่ง

ดูรายการ นึกคาดหมายภาพบรรยากาศน่าสนใจและน่าสนุก ทั้งภาคสาระและบันเทิง รวมทั้งสถานที่จัดงานคือร้านเฮมล็อก ผมเคยมานั่งตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ สมัยเขียนคอลัมน์ประจำอยู่แถวๆ นี้

รู้สึกอกจะแตกครับ เหมือนเพื่อนเล่นบอลรออยู่ที่ลานวัด แต่เราไปไม่ได้เพราะต้องช่วยย่าขุดหลุมปลูกกล้วย อยากได้ฟังเพลงมนต์รักแม่กลองสดๆ ร่วมกับท่านทั้งหลาย ไม่ใช่ฟังอยู่คนเดียวขณะทำกับข้าวอยู่ในแคมป์ลี้ภัยอย่างที่เป็นมาหลายปี

หวนคิดถึงความสนุกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เปิดตัวหนังสือคีตกวีลูกทุ่ง ที่ริมน้ำแม่กลอง กาญจนบุรี สนุกกันจนรุ่งสางวันใหม่ คุณชูเกียรติ เจ้าของสำนักพิมพ์แพรวและคณะ สนุกจนดึกดื่น วาณิช จรุงกิจอนันต์ โดยมี เริงไชย พุทธาโร คอยดูแล 20 ปีผ่านไป ทั้งสามนามที่เอ่ยมา ไม่สามารถมาสนุกกับเราในวันนี้ได้แล้ว

ผมยังคิดถึงภาพน้องๆ สนพ.แพรว ช่วยกันทำกองฟาง และนั่งร้อยดอกลั่นทม ดอกลั่นทมเป็นดอกไม้ของกวี ครูไพบูลย์รำพันถึงดอกลั่นทมไว้เป็นสิบเพลง รองลงมาคือดอกพะยอม อันหมายถึงหญิงในชนชั้นต่ำต้อย

ปรารถนาให้สังคมไทยเสพโสตกับเพลงดีๆ ของครูไพบูลย์ ไม่ใช่แต่ละวันเสพแต่เรื่องโง่เขลา บ้าคลั่ง ทุกข์ยาก เวียนวน ได้ยินแต่ถ้อยคำต่ำช้าของคนเหลิงอำนาจ หรือเจอแต่ขยะไซเบอร์อันหยาบกระด้าง

เรามีทรัพยากรบุคคลากรทางวัฒนธรรมอุดมสมบูรณ์ทุกด้าน เพลง วรรณกรรม จิตรกรรม การแสดง คนไทยควรได้เสพสุขกับศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้เยี่ยงอารยชน ไม่ใช่เสพถ้อยเพ้อเจ้อน้ำท่วมทุ่งจนทำให้ วันศุกร์กลายเป็นวันทุกข์

ขอบคุณ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ บินหลา สันกาลาคีรี ที่อาทรห่วงใยเสียจนลูกสาวถามว่า พ่อเป็นอะไรกับพี่สองคนนี้ ตอบ...เราเป็นออเจ้ากันมาแต่ชาติปางก่อน บุพเพสันนิวาสจ้ะ

ขอบคุณพี่สุจิตต์ วงษ์เทศ ปลดเข็มน้ำเกลือมาเป็นหลักของงาน สี่สิบกว่าปี พี่จิตต์ไม่เคยเปลี่ยน ผม..ไอ้หมาวัฒน์ก็เลยเปลี่ยนไม่ได้ เพราะถ้าผมเปลี่ยน ผมจะพูดกับพี่ไม่รู้ภาษาคน

ขอบคุณ ธีร์ อันมัย และคณะ ที่มีสมาชิกนามสกุลอะไร..อันทะ (พร อันทะ-ประชาไท) พิมพ์ผิดป่าว ขอบคุณ นักแต่งเพลงผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่า สมพงษ์ ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติ 100 ปีชาตกาลของครู

เกือบลืมบอกไปว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่สนใจจะกลับบ้าน คือหมายจับสองหมายที่มีอายุความ 15 ปี ตอนนี้ผ่านไป 4 ปี หมายความว่า หมายจับจะหมดอายุ พ.ศ. 2572 นี่คือเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนของบ้านป่าเมืองเถื่อน

ขอให้สนุกกับงานชาตกาลของครู ไม่ต้องห่วงไอ้หมาวัฒน์อย่างผม ทุกวันนี้ชีวิตผมก็แค่ ย้ายที่กินเหล้า ย้ายที่อ่านหนังสือ ย้ายที่เขียนหนังสือ อย่าลืมอุดหนุนหนังสือผมด้วยนะครับ จะได้มีเงินซื้อเหล้ากินไปเรื่อยๆ



[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.