Posted: 20 Jul 2018 09:29 AM PDT Submitted on Fri, 2018-07-20 23:29  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ณัฏฐา มหัทธนา

ทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นในศาลทหารวันนี้จึงไม่อาจเข้าใจได้ และไม่อาจยอมรับได้?

เช้านี้เป็นครั้งแรกที่โบว์ได้พบและสัมผัสพูดคุยกับคุณแหวน ณัฏฐธิดา มีวังปลา พยาบาลอาสาผู้รอดชีวิตและพยานปากสำคัญคดีหกศพวัดปทุม พี่น้องหลายคนไปให้กำลังใจด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าหลังการระดมทุนโดย”สมาพันธ์นักกฏหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ”จนประสบความสำเร็จด้วยยอดเงินถึง 900,000 บาทที่ศาลได้ตั้งไว้สำหรับการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวแล้ว หัวค่ำวันนี้เราคงจะได้ต้อนรับแหวนสู่อิสรภาพ

แหวนเองก็มีความหวังนั้นเช่นกัน จึงมีรอยยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน ยกมือไหว้ขอบคุณกับทุกข่าวสารที่ได้ยิน น้ำตาไหลเป็นช่วงๆด้วยความอัดอั้นกับชะตากรรมที่เผชิญตลอดกว่า 3 ปี 4 เดือนจากข้อกล่าวหาที่ได้รับ เพียงเพราะเธอยืนยันจะไม่ถอนตัวจากการเป็นพยานในคดีสังหารหมู่ประชาชน แหวนยกมือไหว้บ่อยครั้งจนเราต้องบอกให้หยุด เพราะคือพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณแหวนสำหรับการยืนหยัดเพื่อความถูกต้องด้วยราคาที่ต้องจ่ายด้วยชีวิต

ทนายวิญญัติและทีมงานก็คงมาถึงศาลด้วยความหวังไม่ต่างกัน ขณะหอบเงินเหยียบล้านที่พี่น้องประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนได้ลงขันกันในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มีใครไม่ลำบาก

พี่น้องที่ไปให้กำลังใจถูกห้ามไม่ให้เข้าไปรอในอาคาร มีเจ้าหน้าที่มาไล่ด้วยเหตุผลว่าไม่มีนโยบายให้ผู้มาเยี่ยมนั่งรอข้างใน อันที่จริงศาลทหารก็ไม่ใช่ที่ที่พลเรือนควรต้องข้องแวะแต่แรก ทุกคนจึงนั่งรอตามบันไดและนอกรั้ว ก่อนจะส่งแหวนกลับเรือนจำช่วงบ่าย และรับรู้ภายหลังการพิจารณาว่าศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า”ยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” เราคุ้นเคยกับประโยคนี้ดี เพราะได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อครั้งมีความพยายามขอประกันตัวไผ่ดาวดิน เป็นจำนวนครั้งที่มากจนไผ่จำต้องยอมรับสารภาพในที่สุด

ความเลวร้ายของสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ คือการทำให้เรื่องของแหวนกลายเป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชนที่สมบูรณ์แบบในยุคเผด็จการ
ศาลทหารไม่มีความชอบธรรมที่จะตัดสินคดีพลเรือน การที่รัฐบาลคสช.ยอมรับกับสหประชาชาติเรื่องการยกเลิกการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร แต่กลับยังปล่อยให้คดีที่ค้างอยู่ดำเนินในศาลทหารต่อไป ถือเป็นความกะล่อนที่น่าละอาย

สิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน บุคคลต้องได้รับการปฏิบัติในฐานะผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะได้รับคำตัดสินเป็นที่สุด

คดี 112 นี้เจ้าหน้าที่ได้อายัดตัวแหวนหลังจากตั้งข้อหาไปแล้วถึงสองปี ทั้งที่ระหว่างนั้นแหวนก็ถูกกักขังจากการเป็นจำเลยในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการปาระเบิดศาลอาญา แต่เจ้าหน้าที่กลับอายัดตัวตามหมายจับที่ขอมาในวันที่แหวนได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวจากคดีแรก ส่อเจตนาให้ตั้งคำถามได้ว่าการตั้งข้อหา 112 แล้วไม่ดำเนินการสอบสวนคดีถึงสองปีแต่กลับมาขออายัดตัวในวันที่แหวนได้รับการปล่อยตัว เป็นไปเพื่อแผนยืดเวลาในการกักขังเพื่อไม่ให้พยานปากเอกในคดีที่ทหารถูกชี้ว่ายิงประชาชนคนนี้ได้ออกมามีอิสรภาพหรือไม่

เหตุผลที่ใช้ในการกักขังแหวนตั้งแต่ขั้นอนุมัติฝากขังเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาคือ “ผู้ต้องหาถูกจับตามหมายจับ ประกอบกับการสอบสวนยังไม่เสร็จส้ิน หากปล่อยชั่วคราวแล้วเกรงว่าจะหลบหนี จึงไม่อนุญาต” นั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นและขัดหลักนิติธรรม แหวนถูกอายัดตัวตามหมายจับทั้งที่ไม่มีหมายเรียก จะคาดเดาว่าแหวนอาจหลบหนีจนเป็นเหตุให้จำกัดอิสรภาพทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ความผิดย่อมไม่เป็นธรรม การสอบสวนพยานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนสามารถดำเนินได้อย่างราบรื่นโดยที่แหวนไม่ต้องอยู่ในคุก

คำกล่าวอ้างของศาลทหารในวันนี้ว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทั้งที่แหวนถูกขังมาเป็นปีโดยไม่มีความคืบหน้าของการดำเนินคดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจทำความเข้าใจและยอมรับได้ด้วยมโนสำนึกของคนที่เห็นคุณค่าของความยุติธรรม

การที่แหวนต้องเดินทางกลับเรือนจำในวันนี้ พร้อมกับปัญหาสุขภาพกายและจิตที่ทรุดลง โดยแขวนความหวังไว้กับการยื่นขอประกันตัวครั้งต่อไปในอีก 46 วันข้างหน้า จึงเป็นเรื่องโหดร้ายที่คนในเครื่องแบบถืออาวุธได้กระทำกับผู้หญิงมือเปล่าหนึ่งคน เพียงเพราะเธอไม่หยุดที่จะยืนหยัดเพื่อความเป็นธรรม

ช่วงเวลานับจากนี้จนกว่าแหวนจะได้รับสิทธิขั้นต่ำของความเป็นมนุษย์ จึงจะเป็นช่วงเวลาแห่งการร่วมกันยืนหยัดอีกครั้งเพื่อความยุติธรรมและหลักนิติธรรมที่ถูกบั่นทอน เพราะเธอคือตัวแทนของการถูกละเมิดอย่างสมบูรณ์แบบ






บทความ
การเมือง
สิทธิมนุษยชน
คุณภาพชีวิต
ณัฏฐา มหัทธนา
ณัฎฐธิดา มีวังปลา[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.